นายชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กล่าวว่า ช่วงฤดูฝนเชื้อโรคเจริญเติบโตและแพร่กระจายรวดเร็ว เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคติดต่อต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเด็กเล็กอายุ 0-4 ปี ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ซึ่งโรคที่มักพบ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ จะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อมาก แต่จะหายเป็นปกติภายใน 10-14 วัน สามารถติดต่อจากการไอ จามรดกัน สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ควรรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันทุกปี ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี 3.ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่รับยาเคมีบำบัด 4.ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) 7.อ้วน (น้ำหนัก 100 กก.ขึ้นไป หรือ BMI > 35 kg/m2)
          ไข้เลือดออก มีอาการไข้สูงลอยมากกว่า 3 วัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว ปวดท้องชายโครงขวา 3-5 วัน หลังจากนั้นไข้จะลดลง แต่ผู้ป่วยจะเหนื่อย เพลีย เบื่ออาหารมากขึ้น, มือ เท้า ปาก มีอาการไข้ 2-4 วัน เบื่ออาหาร มีแผลคล้ายแผลร้อนในที่ปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม มีผื่นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ต้นขา และก้น ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำพองใส ไม่คัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนอาการจะทุเลาและหายเป็นปกติภายใน 10 วัน
          กรุงเทพมหานครจึงขอความร่วมมือ ประชาชนเฝ้าระวังและป้องกันด้วยการใส่หน้ากากผ้า/อนามัย ใช้กระดาษทิสชู ปิดปาก จมูกเวลาไอ จาม หมั่นล้างมือ บ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำหรือใช้แอลกอฮอล์เจล 70% และไม่จับใบหน้าหรือขยี้ตา กินอาหาร มีประโยชน์ ปรุงสุกใหม่ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงไปสถานที่แออัด กำจัดขยะและสิ่งปฏิกูลอย่างถูกต้อง และอย่าให้ยุงกัด