Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 02/09/2563 ]
แม่ฮ่องสอนปิดด่าน สกัดโควิดเมียนมาลามจับต่างด้าวลอบเข้าไทย

 ศบค.พบผู้ป่วยโควิดใหม่ 1 ราย เป็นหญิงชาวอังกฤษ อาชีพครูสอนภาษาไทย นายกฯ ชี้โควิด-19 เป็นวิกฤติแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก วอนทุกฝ่ายปรับตัวร่วมมือก้าวสู่วิถีชีวิตใหม่ ฟื้นฟูพัฒนาประเทศให้กลับมาดีกว่าเดิม ขณะที่จังหวัดชายแดนติดเมียนมาคุมเข้มสกัดแรงงานต่างด้าวหนีเข้าเมืองทั้งด่าน ปกติและช่องทางธรรมชาติ หลังจับได้รายวัน ก่อนผลักดันกลับประเทศทันที ตากจับ 8 แรงงานเมียนมาว่ายข้ามน้ำเมยหวังหนีความอดอยากมาไทย แต่ไม่รอด ผวาเจอ 1 ใน 8 ไข้สูงกว่า 38 องศา ขณะที่แม่ฮ่องสอนประกาศปิดด่านการค้าชายแดนทุกช่องทาง 15 วัน สกัดไวรัสลามเข้าไทย ทำให้ระบาดรอบ 2
          เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย เป็นเพศหญิง สัญชาติอังกฤษ อายุ 29 ปี  เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร และเข้าพักที่ State Quarantine อาชีพรับจ้าง (ครูสอนภาษา) ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,412 ราย หายป่วยแล้วสะสม 3,252 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย
          นายกฯย้ำโควิดเป็นวิกฤติระดับโลก
          ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานเปิดงาน "GCNT FORUM 2020 : Thailand Business Leadership for SDGs" ในโอกาสครบรอบ 20 ปี เครือข่าย โกลบอลคอมแพ็กแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) และครบรอบ 75 ปี สหประชาชาติ (United Nations) หัวข้อ "วิถีคิดผู้นำในสถานการณ์วิกฤติ COVID-19" ว่า  การเคารพสิทธิมนุษยชน เป็นหลักการที่ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญและปฏิบัติ รัฐบาลจึงสนับสนุนภาคเอกชนประกอบธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่แสวงหาผลประโยชน์ มุ่งแต่ผลกำไร ทั้งนี้ รู้สึกภูมิใจที่ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ประกาศใช้แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan : NAP) เมื่อปี 2562 โดยแผนดังกล่าวให้ความสำคัญกับ 3 เสาหลักคือ คุ้มครอง เคารพ และเยียวยา หวังว่าทุกภาคส่วนจะร่วมขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าวให้บรรลุวัตถุประสงค์ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนและสังคมไทย ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
          "วิธีคิดผู้นำในสถานการณ์วิกฤติ ประสบการณ์จากไวรัสโควิด-19 ทุกคนคงเห็นเหมือนกันว่า วิกฤติครั้งนี้เป็นวิกฤติระดับโลก ที่ไม่เคยรุนแรงเช่นนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง เราต้องปรับตัวทั้งการใช้ชีวิตและดำเนินธุรกิจให้เป็นไปในรูปแบบ New Normal หรือ วิถีปกติใหม่  ดังนั้น ผู้นำทุกองค์กร รวมทั้งภาครัฐบาลจึงต้องพร้อมปรับตัวเพื่อก้าวเข้าสู่โลกใหม่"นายกฯกล่าว
          ทำงานนิว นอร์มอล-ให้ปชช.ประเมินได้
          และย้ำว่า รัฐบาลก็เร่งปรับปรุงวิธีทำงานให้เป็นแบบ New Normal ตามแนวทางสำคัญ 3 ประการ ประกอบด้วย ผนึกกำลังทุกภาคส่วนร่วมวางอนาคตของ ประเทศไทย ทุกภาคส่วนเสนอวิสัยทัศน์ และความคิดขับเคลื่อนประเทศไทยให้รัฐบาลฟังได้ รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน เพื่อทำหน้าที่ ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของประชาชนในระดับพื้นที่
          นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า  รัฐบาลจะเปิดให้ประเมินผลงานภาครัฐ โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตัวจริง ให้ทุกคนประเมินผลการทำงานของรัฐว่า สร้างประโยชน์ให้ประชาชนตามที่คาดหวังหรือไม่ เพื่อกำจัดสิ่งที่ทำแล้วไม่มีประโยชน์ออกไปให้ได้มากที่สุด  สิ่งที่ตนจะทำให้เกิดเป็นอันดับต่อไปคือ สนับสนุนให้ประชาชนมีบทบาทในการประเมินผล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของภาครัฐให้ผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลรับทราบโดยตรงได้ด้วย
          ชี้คนไทยต้องจับมือฝ่าวิกฤติพัฒนาปท.
          พล.อ.ประยุทธ์ยังย้ำด้วยว่า ในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ เราต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ ตนและทุกคนในรัฐบาล ข้าราชการ พยายามทำงานสุดความสามารถเพื่อดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่ว่าจะควบคุมการระบาดของโควิด ช่วยเหลือผ่านมาตรการเยียวยา จนได้รับคำชื่นชมจากสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก และ การยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศ ว่าบริหารจัดการด้านสาธารณสุขได้มี ประสิทธิภาพ ควบคุมการระบาดของไวรัส โควิด-19 และฟื้นตัวจากสถานการณ์ดังกล่าว ได้ดีที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ซึ่งวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ตอกย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
          "เพื่อให้รอดพ้นจากความท้าทายครั้งนี้ รัฐบาลต้องดึงศักยภาพของประเทศออกมาใช้ระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เข้ามาช่วยขับเคลื่อนฟื้นฟูประเทศให้ดีกว่าเดิม ทุกภาคส่วนต้องรวมพลังกันเพื่อรวมไทยสร้างชาติ ท่ามกลางวิกฤตินี้เราต้องรอด และวันหน้า เราต้องเข้มแข็งกว่าเดิม คนไทย จะฝ่าฟันไปด้วยกัน เพราะเราและโลกมีเป้าหมายที่ชัดเจนรออยู่  เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ SDGs ซึ่งเราจะต้องบรรลุให้ได้ภายในปี 2573 เรามีเวลาเหลืออีกไม่มาก แต่เชื่อมั่นในประเทศไทยและคนไทย หากเราร่วมมือร่วมใจกัน ความก้าวหน้าและความสำเร็จอยู่ไม่ไกล"นายกฯระบุ
          นายกฯ ยังย้ำว่าการพัฒนาประเทศต่อจากนี้ ต้องเน้นเรื่องความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า การพัฒนาประเทศหลังวิกฤติไวรัสโควิด-19 ต้องอาศัยรากฐานที่แข็งแกร่งของประเทศ นำมาต่อยอดและพัฒนา สิ่งที่ไทยยังขาดคือ ยังนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เช่น ยา วัสดุ และเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศ จึงควรสร้างความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพ และการแพทย์ ต้องทำให้อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร เพื่อรับมือกับโอกาสและความท้าทาย เช่น ผลิตวัคซีนและยารักษาไวรัสโควิด-19
          พร้อมฟังทุกความเห็นโดยเฉพาะเยาวชน
          "สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่า ไทยจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วหลังวิกฤติไวรัสโควิด-19 คือ ความร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวของคนไทยทุกคน นโยบายรัฐบาลฟื้นฟูประเทศให้กลับมาดีกว่าเดิม มี 2 ประเด็นสำคัญ คือ พัฒนายั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนประเทศ เมื่อเราเริ่มทำงานแบบใหม่ก็อาจมีเสียงคัดค้าน ผมพร้อมจะรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกคน โดยเฉพาะเยาวชน เพราะผมเชื่อมั่นว่า เราต่างมีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการเดินหน้า ขับเคลื่อนประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้น ขอเชิญคนไทยทุกคนร่วมภารกิจรวมไทยสร้างชาติไปพร้อมกัน ผมมั่นใจว่า วิกฤติไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้จะช่วยให้ประเทศไทยของเรายิ่งแข็งแกร่ง มีความเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกันมากขึ้นกว่าเดิม และมีบทบาทในการสนับสนุนประชาคมโลกเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราทุกคน ทั้งคนไทย ประเทศไทย และทุกประเทศทั่วโลก จะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน คิดใหม่ ทำใหม่ สร้างสรรค์วิธีการทำงาน และวิถีชีวิตแบบใหม่ เพื่อที่เราจะสามารถก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
          แม่ฮ่องสอนปิดด่านการค้า15วัน
          วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมศาลากลาง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสุวพงศ์ กิติภัทย์ พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เรียกประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อพิจารณาสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการระบาดระลอกที่ 2 ในรัฐยะไข่ และอีกหลายรัฐในเมียนมา โดยเฉพาะรัฐยะไข่ มีผู้ป่วยติดเชื้อ มากกว่า 700 คน ซึ่งจ.แม่ฮ่องสอน มีแนวเขตติดต่อกับเมียนมาตลอดแนวชายแดน ต้องเฝ้าระวังเข้มงวด
          นายสุวพงษ์เผยหลังประชุมว่า ปัจจุบันจ.แม่ฮ่องสอนมีคำสั่งปิดชายแดนช่องทางจุดผ่อนปรนทั้ง 5 แห่งไปแล้วช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และ ผ่อนปรนให้ส่งออกเฉพาะสินค้าชายแดน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้แก่ จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางห้วยต้นนุ่น หมู่ที่ 4 ต.แม่เงา อ.ขุนยวม จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านแม่สามแลบ หมู่ที่ 1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย และจุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านห้วยผึ้ง หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยผา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
          จับ8แรงงานเมียนมาหนีเข้าไทย
          ขณะที่หลายจังหวัดที่มีพรมแดนติดเมียนมาและกัมพูชา ต่างคุมเข้มการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หลังประเทศเพื่อนบ้านติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ก็ยังสามารถจับกุมชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้าประเทศไทยได้ต่อเนื่อง รายวัน โดยนายธวัชชัย อ่อนสาร ปลัดป้องกันอำเภอแม่สอด จ.ตาก นำกำลัง ชุดเคลื่อนที่เร็วกองร้อย อส.แม่สอดที่ 3 พร้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านริมเมย หมู่ที่ 2 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ร่วมปฏิบัติการเฝ้าระวังตะเข็บชายแดนใกล้สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 1 และซุ่มสังเกตการณ์ในจุดล่อแหลมท่าข้ามธรรมชาติ ป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ต่อมาเจ้าหน้าที่พบคนต่างด้าวจำนวนหนึ่งว่ายข้ามแม่น้ำเมยจากฝั่งจังหวัดเมียวดี ประเทศพม่า มาขึ้นฝั่งที่ริมตลิ่งฝั่ง อ.แม่สอด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พร้อมทหาร จึงเข้าสกัดจับกุมตัวทั้งหมด ซึ่งเป็นชาวพม่าได้ 8 ราย พร้อมกระเป๋าสัมภาระ ก่อนคุมตัวไปตรวจวัดไข้ เบื้องต้นพบหญิงพม่ารายหนึ่ง มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่ส่งเข้าตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รพ.แม่สอดอย่างเร่งด่วน หลังตรวจอย่างละเอียดพบแรงงานทั้ง 8 รายที่ถูกจับกุมตัวไม่พบเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงส่งไปดำเนินคดีและเร่งส่งตัวกลับประเทศต้นทาง
          ระดมกำลังตั้งด่านคุมทุกช่องทาง24ชม.
          สอบถามนายซอ ฮู ไต อายุ 23 ปี หนึ่งในกลุ่มแรงงานที่ลักลอบข้ามน้ำเมยเข้าชายแดนแม่สอด เผยว่า จ่ายเงินให้ นายหน้าคนไทยไม่ทราบชื่อรวม 16,000 บาท ให้พาเดินทางมาจากหมู่บ้านในเขตเจดีย์สามองค์ ประเทศพม่า มาส่งที่จังหวัดเมียวดี จากนั้นตนพร้อมพวกได้ว่ายข้ามแม่น้ำเมยมาขึ้นฝั่งแม่สอด และจะมีกลุ่มนายหน้าคนไทยไม่ทราบชื่อมารับตัวขึ้นรถยนต์เดินทางไปส่งที่กรุงเทพฯ สาเหตุที่ต้องหนีเข้าไทย เพราะพวกตนกำลังจะอดตาย เนื่องจากไม่มีงานทำ เพื่อนชวนให้ลักลอบข้ามมาทำงานในไทย แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอดและทหารจับกุมได้เสียก่อน
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด ทหาร ตำรวจ ในพื้นที่แนวชายแดนส่วนหน้าอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ต้องสนธิกำลังออกตั้งจุดตรวจจุดสกัด ตลอดจนจัดชุดเดินเท้าออกตรวจลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า หลังมีกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเตรียมการลักลอบข้ามแนวชายแดนโดยไม่ผ่านจุดคัดกรองต่อเนื่อง โดยตรึงกำลังไว้ทุกจุดตลอด 24 ชั่วโมง
          เชียงรายเข้มด่านทางบก-น้ำจับรายวันได้6
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ ชาวเมียนมาพยายามหนีเข้าไทย เพื่อ หางานทำ ซึ่งในอ.แม่สาย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ลักลอบข้ามพรมแดน ได้ต่อเนื่อง โดยทหาร ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง ร่วมกับฝ่ายปกครอง ตชด.327 ตำรวจ นรข.เชียงราย ลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าประเทศ ทั้งทางบกและทางน้ำ โดยใช้ เรือล้องแบบลาดตระเวน ในแม่น้ำสาย แม่น้ำรวก ถึงสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยเฉพาะจุดเสี่ยงและช่องทางธรรมชาติริมแม่น้ำสาย ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่จับกุมกลุ่มบุคคลและแรงงานต่างด้าวได้ ผู้ต้องหา 6 คน ขณะลักลอบข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการตามกฎหมาย
          อ.มะขามเตี้ย-โรงเกลือคุมเข้มทุกด่าน
          อีกด้านหนึ่ง น.ส.เพ็ญศรี  กลั่นบุศย์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนของเมียนมา จึงกำชับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนใน อำเภอคุมเข้มการผ่านเข้า-ออกด่านจุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรนในพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจคัดกรองคนเข้าออกอย่างละเอียด  เฝ้าระวังด่านธรรมชาติ ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย สำหรับจ.กาญจนบุรี มีชายแดนติดเมียนมาด้านทิศตะวันตก อำเภอที่ติดกับชายแดนมี 5 อำเภอจาก 13 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง มีช่องทางเข้า-ออก 4 ช่องทาง อ.ด่านมะขามเตี้ย 1 ช่องทาง อ.ไทรโยค 7 ช่องทาง อ.ทองผาภูมิ 17 ช่องทาง และอ.สังขละบุรี 14 ช่องทาง รวมระยะทางประมาณ 371 กิโลเมตร มีช่องเข้า-ออก ทางธรรมชาติ 43 ช่องทาง
          เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม. จว.สระแก้ว และ ร.ต.ธิติวุฒ  ยีนุช ผบ.ร้อย ทพ.1201 (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201) ร่วมกันปล่อยแถวระดมกำลังตรวจเข้มร้านค้าชาวกัมพูชาในตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ป้องกันการลักลอบเข้ามาค้าขายและลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมายในตลาดโรงเกลือ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของ คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.สระแก้ว
          ทั่วโลกติดเชื้อกว่า25ล้าน- ตาย8.5แสน
          ในส่วนสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศนั้น เว็บไซต์ worldometers.info สรุปจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตทั่วโลกจนถึงเวลา 17.00 น. ตามเวลาในประเทศไทยว่า มีการติดเชื้อรวม 213 ประเทศ  ผู้ป่วยสะสม 25,406,588 ราย เสียชีวิตรวม 850,878 ราย  และรักษาหายสะสม 17,716,766 ราย ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 121  มีผู้ป่วย 3,412 ราย  เสียชีวิต ยังคงที่ 58 ราย รักษาหายแล้ว 3,252 ราย ส่วนประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดอันดับ 1 ยังเป็น สหรัฐมีผู้ป่วย 6,173,653 ราย เสียชีวิตสะสม 187,226 ราย อันดับ 2 เป็นบราซิล มีผู้ติดเชื้อ 3,862,311 ราย เสียชีวิต 120,896 ราย  อันดับ 3 อินเดีย ผู้ป่วยสะสม 3,624,613 ราย เสียชีวิตสะสม 64,646 ราย อันดับ 4 รัสเซีย ติดเชื้อ สะสม 995,319 ราย เสียชีวิตสะสม 17,176 ราย และอันดับ 5 เปรู ติดเชื้อรวม 647,166 ราย  เสียชีวิตรวม 28,788 ราย
          สหรัฐติดโควิดแล้ว6ล้านกว่าคน
          โดยสถานการณ์ในสหรัฐฯติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว 6 ล้านกว่าคน ขณะที่ หลายรัฐในเขตมิดเวสต์ รายงานมีผู้ติดเชื้อ เพิ่มขึ้น โดยรัฐไอโอวา นอร์ทดาโกตา เซาท์ดาโกตา และมินนิโซตา รายงานว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นวันเดียวมากเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รัฐมอนแทนาและไอดาโฮ มีผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากโรคไวรัสโควิด-19 เพิ่มสูงเป็นสถิติใหม่ ภาพรวมทั่วทั้งประเทศ สหรัฐมีผู้ป่วยรายใหม่ ผู้เสียชีวิต ผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และอัตราตรวจพบผู้ติดเชื้อลดลง แต่มีพื้นที่ระบาดใหม่ในเขตมิดเวสต์ โดย ผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนมากในไอโอวา พบที่เทศมณฑล หรือเคาน์ตี อันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยไอโอวา และมหาวิทยาลัยไอโอวา สเตท ซึ่งเปิดการเรียนการสอนแบบต้องเข้าชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัย
          เกาหลีใต้สั่งปิดรร.กวดวิชาเพิ่ม
          ขณะที่เกาหลีใต้ โรงเรียนกวดวิชาเอกชนต้องปิดตัวลงเป็นครั้งแรก พร้อมกับเป็นวันแรกที่ทางการใช้มาตรการเว้นระยะทางสังคมที่เข้มงวด เพื่อยับยั้งการระบาดระลอก 2 ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศใช้มาตรการใหม่ห้ามเปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ และโรงเรียนกวดวิชาในเขตกรุงโซล คำสั่งดังกล่าวมาจากมาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายประชาชนที่ใช้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ผล ป้องกันการระบาดไม่อยู่ โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้รายงานว่า จนถึงขณะนี้มีผู้ป่วยใหม่ 238 คน ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงโซลและปริมณฑล และนับเป็นวันที่ 18 ติดต่อกันที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อวัน เป็นตัวเลข 3 หลัก ขณะที่ มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วทั้งสิ้น 19,947 คน เสียชีวิต 324 คน
          อินเดียทำสถิติวันเดียวป่วย-ตายสูงสุด
          ขณะที่ อินเดียยังเผชิญการระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 เฉพาะเมื่อวันอาทิตย์มีผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 79,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อในวันเดียวมากที่สุดในโลก และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 960 คน เวลานี้อินเดียมีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 3.6 ล้านคน กำลังไล่หลังบราซิลที่มีจำนวน ผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลกมาติดๆ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 64,617 คน ตลอด 4 วันที่ผ่านมา อินเดียมีผู้ติดเชื้อเกินกว่าวันละ 75,000 คน นับว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการพบผู้ติดเชื้อสูงสุดในเวลานี้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นเพราะขณะนี้อินเดียมีการตรวจหาผู้ติดเชื้อได้เป็นจำนวนมากถึงวันละเกือบ 1 ล้านคน

 pageview  1210916    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved