Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 30/09/2563 ]
นายกฯย้ำท่องเที่ยวเข้าไทยจำกัดจำนวนคนต้องรับฟังเสียงคนในพื้นที่

  เข้มมาตรการติดตามหาตัวโหลดแอพฯ-ใส่ริสต์แบรนด์ไทยพบป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 14 ราย กลับมาจากซูดานใต้-ตุรกี-อินเดียฮ่องกง ในจำนวนนี้ 7 ราย เป็นทหารที่ไปปฏิบัติภารกิจเพื่อสันติภาพ ของยูเอ็น นายกฯ แจงเปิดรับนักท่องเที่ยว ตปท.เข้าไทยต้องถามสังคม ถามปชช.ในพื้นที่ก่อนว่ารับได้หรือไม่ ยันไม่ใช่เปิดปท.รับทั้งหมด แต่ต้องมีเงื่อนไขจำกัดจำนวนใส่ริสต์แบนด์ มีแอพฯติดตามตัว ย้ำคนที่จะเข้ามาต้องยอมรับกติกา มาตรการสาธารณสุขไทย ด้านเมียนมายังวิกฤติ ป่วยสะสม 11,631 คน ขึ้นอันดับ 4 ของอาเซียนแซงมาเลย์ รัฐบาลขยายเวลาล็อกดาวน์ถึงสิ้นเดือนต.ค.
          เมื่อวันที่ 29 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) หรือโควิด-19 เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบ ผู้ป่วยใหม่ 14 ราย จึงมียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,559 ราย  มีผู้ที่หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย  ทำให้มียอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,370 ราย มียอดสะสมผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 59 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 130 ราย
          ป่วยใหม่14ราย-ทหาร7จากซูดาน
          สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 14 ราย แบ่งเป็น 1.ผู้ที่กลับจากซูดานใต้ 7 ราย ทุกรายเป็นชายไทย อายุระหว่าง 29-53 ปี เป็นทหารช่างเฉพาะกิจ ซึ่งไปปฏิบัติภารกิจทางทหาร เดินทางกลับถึงประเทศไทยด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็น เที่ยวบินเดียวกับที่พบผู้ป่วยยืนยัน ก่อนหน้านี้ 16 ราย  และเข้าพักในสถานกักกันของรัฐที่ จ.ชลบุรี และรับการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 1 วันที่ 26 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ แต่กำลังรอตรวจซ้ำเนื่องจากผลไม่ชัดเจน  ทั้งหมดถูกส่งเข้ารับรักษาในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าแล้ว 2.ผู้ที่มาจากตุรกี 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 44 ปี ว่างงาน เดินทางถึงไทยวันที่ 22 กันยายน เข้าพักในสถานกักกันของรัฐในกรุงเทพฯ จากการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 26 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ถูกส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลราชวิถี
          6รายจากฮ่องกง-อินเดียมีดญ.ด้วย
          3.ผู้มาจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง 3 ราย แบ่งเป็นหญิงไทย อายุ 28 ปี 2 ราย และอายุ 50 ปี 1 ราย  อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 23 กันยายน เข้าพักในสถานกักกันของรัฐในกรุงเทพฯ   จากการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 26 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดถูกส่งเข้ารักษาในโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรุงเทพฯ   ทั้งนี้ หญิงไทย อายุ 28 ปี รายที่ 1 เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 19 กันยายน ด้วยอาการไอ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูก และอาเจียน โดยซื้อยาลดไข้มา รับประทานเอง ไม่ได้ไปพบแพทย์  ส่วนหญิงไทย อายุ 28 ปี   รายที่ 2 เริ่มป่วย เมื่อวันที่ 26 กันยายน ด้วยอาการ เจ็บคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว ซึ่งทั้งสองรายนี้เป็นเพื่อนร่วมห้องขณะอยู่ที่ฮ่องกง  ด้านหญิงไทยที่อายุ 50 ปี ถูกผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ
          4.ผู้มาจากอินเดีย 3 ราย แบ่งเป็น 2 ราย เป็นมารดา อายุ 31 ปี และบุตรหญิงอายุ 9 เดือน ทั้งคู่สัญชาติอินเดีย ขณะที่ 1 ราย เป็นชายสัญชาติอินเดีย อายุ 34 ปี อาชีพผู้จัดการบริษัท เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 23 กันยายน เข้าพักในสถานที่กักกันโรคแบบทางเลือกที่รัฐกำหนดในกรุงเทพฯ จากตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 26 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ แต่ทั้งหมดเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีของมารดา อายุ 31 ปี และบุตรหญิง อายุ 9 เดือน สัญชาติอินเดียนั้น มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันที่อินเดียคือ พี่ชายของสามีของหญิงที่อายุ 31 ปี  ส่วนกรณีของชายสัญชาติอินเดีย อายุ 34 ปี เคยมาทำงานในไทย แล้วกลับไปอินเดียเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา
          เปิดรับนทท.ต้องถามคนในพื้นที่
          ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลอตแรก หลังมีข่าวเปิดรับนักท่องเที่ยวจากเมืองกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จะเข้ามาวันที่ 8 ตุลาคม เพื่อ ท่องเที่ยวจ.ภูเก็ต ว่า  ต้องถามว่าจำเป็นต้องเปิดบ้างหรือไม่  เป็นกลุ่มๆ ได้หรือไม่ และดูแลโดยเป็นลักษณะของการนำร่องก่อนได้หรือไม่ ก็ต้องถามสังคมก่อน ถามประชาชน ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการ ท่องเที่ยวว่ารับได้หรือไม่ ถ้ารับได้ต้องช่วยดูแลกัน มาตรการถึงจะออกมาได้  แม้ว่าเราจะออกมาตรการใดๆ มาก็ตาม แต่ถ้าประชาชนในพื้นที่ไม่ตอบรับก็จะลำบาก และคนที่เดือดร้อนก็ไม่ได้รับประโยชน์ คนที่ไม่เดือดร้อนไม่มีผลทางธุรกิจ ชีวิตเป็นปกติเขาอาจจะไม่เห็นชอบตรงนี้ แต่ประชาชนที่เหลือเราต้องนึกถึงเขา หรือไม่  ซึ่งรัฐบาลจะหามาตรการที่เหมาะสมสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาแบบพิเศษ
          ไม่ใช่เปิดรับทั่วไป-เน้นจำกัดกลุ่ม"ทั้งนี้ ไม่ใช่เปิดประเทศให้ ท่องเที่ยว  แต่จะมีมาตรการจำกัดคน เมื่อเข้ามาสามารถควบคุมดูแลได้ มีริสต์แบนด์ มีแอพพลิเคชั่นติดตามตัว และพื้นที่ช่วยกันดูแล  ถ้าเราไม่คิดแบบนี้ก็ไม่สามารถเดินหน้าได้สักอย่าง  รัฐบาลก็ต้องดำเนินนโยบาย การปฏิบัติต้องทำให้เข้มงวด วันนี้หากเดินทางเข้าประเทศไทยต้องยินยอมทำตามกติกาและกฎหมาย ของเรา ทั้งกักตัวในสถานที่ที่กำหนด มีการติดตามประเมินตัว เมื่อพบ จุดบกพร่องก็แก้ไขในทันที  อย่างร้านค้า ต่างๆ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการก็ถูกปิดทันที แล้วไปปรับปรุงแก้ไขแล้วถึงจะเปิดใหม่ ฝ่ายความมั่นคงด้วย"นายกฯกล่าว
          คาดเปิดการบินข้ามปท.หลังต.ค.
          ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะออกประกาศให้สายการบินขยายเวลาเลื่อนตั๋วเดินทางบินระหว่างประเทศไปอีกหรือไม่ เนื่องจากทุกสายการบินกำหนดระยะเวลาให้เลื่อนการเดินทางถึงวันที่ 31 ตุลาคม นายกฯกล่าวว่า  หลังสิ้นเดือนตุลาคมนี้ จะเป็นการดำเนินการของแต่ละสายการบิน เพราะที่ผ่านมา เป็นเพียงขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการสายการบิน โดยปัจจุบันพบมีเครื่องบินเข้า-ออกประเทศ ในการรับคนไทยกลับเข้าประเทศ รวมถึงชาว ต่างชาติที่มีใบอนุญาตทำงานในประเทศ เจ้าหน้าที่ทูต รวมถึงเครื่องสำหรับขนส่งสินค้า ในขณะที่ยังไม่มีเรื่องการขนส่งผู้โดยสารจำนวนมาก  อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะไปสั่งการสายการบินมากไม่ได้ โดยเฉพาะหลายสายการบินเป็นของ ต่างประเทศ ของต่างชาติก็ต้องขอความร่วมมือ เป็นหลัก ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะรับ เรื่องนี้ไปดูแล
          ครม.ต่อพรก.ฉุกเฉินอีก1เดือน
          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบผลการประชุมของศบค. ที่มีมติให้ขยายการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม โดยนายกฯ พูดถึงประเทศเมียนมา ที่มีการติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นและระบุให้แบ่งปัน แนวทางที่ประเทศไทยใช้ให้เมียนมา และเน้นย้ำว่า ประชาชนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และเตรียมปลดล็อกการดำเนินธุรกิจและการท่องเที่ยวให้มากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจก็สำคัญเท่ากับการป้องกันการระบาดเชื้อโควิด
          ไฟเขียวนทท.จีน150คนลงภูเก็ต
          ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบแนวทางเปิดประเทศให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพำนักในไทย ได้ระยะยาวได้แบบจำกัดจำนวน ต้องเป็นนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ หรือ Special Tourist VISA (STV) ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบรายละเอียด เพื่อให้นายกฯลง นามออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เพื่ออนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศได้ ตามเงื่อนไขในวันที่ 1 ตุลาคม  ทั้งนี้ เที่ยวบินแรกเช่าเหมาลำโดยสายการบิน แอร์เอเชีย ที่จะนำนักท่องเที่ยวจาก จีน 150 คน มาลงที่สนามบินภูเก็ต และนักธุรกิจชาวจีน 7 คนนำไพรเวท เจ็ท หรือเครื่องบินส่วนตัวลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนวันที่ 25 ตุลาคม จะมีนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองกว่างโจว 126 คน โดยสายการบินไทยสไมล์ ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ และวันที่ 1 พฤศจิกายน มีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศ สแกนดิเนเวีย และเชงเก้น อีก 120 คน สายการบินไทย มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด้านความพร้อมของที่พักที่จะให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้าพัก เป็นสถานกักกันตัวทางเลือก (ALSQ) มีเพิ่มขึ้นใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี 1 แห่ง บุรีรัมย์ 1 แห่ง ภูเก็ต 3 แห่ง
          ส่ง16ทหารกักตัวรพ.พระมงกุฎฯ
          พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กองทัพบก (ศบค.ทบ.) ชี้แจงกรณีทหารไทย 16 นายกลับจากปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในนามสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ซูดานใต้ ติดเชื้อโควิด-19 โดยยอมรับว่า ทหารเหล่านี้ติดเชื้อจริง แต่ไม่แสดงอาการ ทุกคนยังแข็งแรงดี โดยวันนี้ส่งตัวไปรักษาเฝ้าระวังอาการที่รพ.พระมงกุฎเกล้า ทั้งนี้ ต้องขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ทหารเหล่านี้ หลังไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศ เซาท์ซูดานกว่า 1 ปี 9 เดือน อย่างทรหด ถือเป็นความร่วมมือสันติภาพโลก
          รวบ19คนไทยหนีจากเมียนมา
          อีกด้านหนึ่งมีภารกิจเฝ้าระวังพรมแดนที่ติดกับประเทศเมียนมาใน 10 จังหวัด ยังดำเนินไปอย่างเข้มงวด ป้องกันคนต่างด้าวลอบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย เกรงจะนำเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าประเทศไทยด้วย  วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรถกระบะ 2 คัน บริเวณถนนสายแม่สอด-บ้านไร่ดอนชัย ติดริมแม่น้ำเมย ติดแนวชายแดนไทย- เมียนมา ด้านอ.แม่สอด จ.ตาก เบื้องต้นพบคนไทย 19 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระอัดแน่น อยู่ในรถ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจวัดไข้และส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19  เนื่องจากพบว่าทั้งหมดลักลอบข้ามชายแดนไทย- เมียนมาผิดกฎหมาย  สอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาข้ามแนวชายแดนไปเมียนมา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมีนายหน้าช่วยเหลือ พาไปทำงานในบ่อนพนัน ฝั่งจังหวัด เมียวดี สัปดาห์ที่ผ่านมาจังหวัดเมียวดี มีการระบาดของโควิด-19 มีผู้เสียชีวิตหลายคน และปิดหมู่บ้านหลายแห่ง รวมทั้งหลายรัฐมียอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม ต่อเนื่อง จึงตัดสินใจหนีตายจากฝั่งเมียวดีกลับไทย โดยจ้างนายหน้าพาเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ แต่มาถูกจับกุมได้เสียก่อน
          เมียนมาป่วย11,631ขึ้นที่4อาเซียน
          ส่วนสถานการณ์ระบาดในหลายประเทศทั่วโลก ยังคงน่าเป็นห่วง มีรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ของเมียนมาว่า กระทรวงสาธารณสุขของเมียนมา รายงานสถิติเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมง ยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่ 897 คน เพิ่มสถิติสะสมของผู้ป่วยเป็นอย่างน้อย 11,631 คน แซงมาเลเซียขึ้นสู่อันดับ 4 ของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยสะสมจากไวรัสโควิด-19 มากที่สุด รองจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ขณะที่สถิติสะสมของ ผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวในเมียนมาอยู่ที่อย่างน้อย 256 คน เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาค  รองจากอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 30 คน ในรอบวัน
          ต่อล็อกดาวน์ถึงสิ้นเดือนตุลาฯ
          ด้านนางออง ซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐของเมียนมา และประธานคณะกรรมาธิการกลางด้านการควบคุม ป้องกัน และตอบสนองต่อวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า รัฐบาลได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากเกาหลีใต้ ซึ่งส่งชุดตรวจคัดกรองมาให้ 200,000 ชุด  ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯเห็นชอบต่อเวลาบังคับใช้มาตรการควบคุมทางสังคมออกไปอีกอย่างน้อย 1 เดือน จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม เช่นเดียวกัน การระงับออกวีซ่าท่องเที่ยวและการตรวจลงตราหน้าด่านยังระงับ ให้บริการจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมเป็น อย่างน้อย ยกเว้นนักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ และบุคคลซึ่งมีกิจธุระจำเป็นอย่างยิ่งยวด แต่ขอให้แจ้งล่วงหน้าผ่านสำนักงานการทูตของเมียนมาภายในเวลาที่เหมาะสม
          อินเดีย11วันติดเชื้อพุ่ง1ล้าน
          เช่นเดียวกับ สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ในอินเดียมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น คาดว่าการติดเชื้อจะเพิ่มสูงสุดในช่วงเทศกาลทางศาสนาของชาวฮินดู ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของอินเดียเตือนว่าปัจจัยติดเชื้อ เกิดจากความไม่ตระหนักและขาด ความรับผิดชอบ ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่รักษาระยะห่าง และไม่ทำความสะอาดมือ ซึ่งขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 6,143,019 คน กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ช่วง 24 ชั่วโมงเพิ่มขึ้น 82,170 คน ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้น 1,039 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 96,351 คน  มีรายงานด้วยว่า เพียง 11 วัน อินเดียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้าน และยังเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ
          ทั่วโลกติดเชื้อกว่า33.5ล้านคน
          ขณะที่เว็บไซต์ worldometers รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก วันเดียวกันนี้ จนถึงเวลา 16.30 น. ใน 213 ประเทศ  อยู่ที่ 33,574,347 คน เสียชีวิตสะสม 1,006,868  คน  รักษาหายสะสม 24,893,480 คน โดยอันดับที่ 1 สหรัฐ ติดเชื้อสะสมมากที่สุด 7,361,633 คน เสียชีวิตสะสม 209,808 คน รองลงมาอันดับ 2 เป็นอินเดีย มีผู้ติดเชื้อสะสม 6,145,291 ราย เสียชีวิตสะสม 96,351 ราย  อันดับ 3 บราซิล  ติดเชื้อรวม 4,748,327 ราย   เสียชีวิตสะสม 142,161 ราย  อันดับ 4 รัสเซีย ติดเชื้อสะสม 1,167,805 ราย  เสียชีวิตสะสม 20,545 ราย  และอันดับ 5 โคลอมเบีย ติดเชื้อสะสม 818,203 ราย และเสียชีวิตรวม 25,641 ราย   สำหรับไทยอยู่อันดับที่ 137  มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,559 ราย เสียชีวิตสะสม 59 ราย รักษาหายแล้ว 3,370 ราย

 pageview  1210916    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved