ศบค.รายงานสถานการณ์ระบาดโควิด-19 พบผู้ติดเชื้อใหม่ 6 ราย มาจากซาอุฯ-คูเวต- โมร็อกโก ยอดป่วยสะสม 3,506 ราย เหลือรักษาในรพ. 107 ราย สธ.ชี้ไทยยังเสี่ยงโควิด โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน อากาศชื้น ทำป่วยหวัดง่าย  ห่วงอาการสองโรคใกล้เคียงกัน-แยกยาก แนะ ผู้ชุมนุมกลับบ้านกักตัว 14 วัน สังเกตอาการตัวเอง  เกรงมีคนติดเชื้อจากคนที่ไม่แสดงอาการซึ่งปะปนในสังคม ที่สำคัญมีการรวมตัวของคนจำนวนมาก
          เมื่อวันที่ 20 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) หรือโควิด-19 เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ป่วยใหม่ 6 รายในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,506 ราย  มียอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้ว 3,340 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.27 ของผู้ป่วยทั้งหมด  รักษาตัวในโรงพยาบาล 107 ราย หรือ ร้อยละ 3.05 ของผู้ป่วยทั้งหมด  รักษาหายกลับบ้านได้ 2 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย
          ไทยติดเชื้อ6มาจากซาอุ-คูเวต-โมร็อกโก
          สำหรับผู้ป่วยใหม่ 6 ราย แบ่งเป็น รายที่ 1-2  มาจากซาอุดีอาระเบีย  เป็นนักเรียนชายไทยอายุ 8 ปี และหญิงไทยอายุ 35 ปี อาชีพแม่บ้าน มาถึงไทยวันที่ 5 กันยายน เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 12 ราย เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐที่กรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 17 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ  รายที่ 3 มาจากคูเวต เป็นชายไทยอายุ 38 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางมาถึงไทยวันที่ 13 กันยายน เดินทางจากคูเวตและต่อเครื่องที่กาตาร์ เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 2 ราย เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐจ.ชลบุรี และรายที่ 4-6 มาจากโมร็อกโก ทั้งหมดเป็นนักศึกษาหญิงไทย อายุ 21 ปี  2 ราย และ อายุ 22 ปี เดินทางมาถึงไทยวันที่ 18 กันยายน ผ่านการคัดกรอง ที่ด่านควบคุมโรค พบ 2 รายแรก มีอาการไข้ ปวดศีรษะและไอ ส่วนอีกรายมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ไอ และการได้รับสัมผัส รส กลิ่น ลดลง ทุกราย ตรวจหาเชื้อวันที่ 18 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ
          ชี้ไทยยังเสี่ยงห่วงหวัด-โควิดแยกยาก
          ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.เป็นห่วงสุขภาพของผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากพักผ่อนน้อยบางรายไม่ได้นอน ร่วมกับสภาพอากาศที่ชื้น มีฝน ทำให้มีโอกาสป่วยเป็นไข้หวัดหรือโรคระบบ ทางเดินหายใจได้ รวมทั้งสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยยังถือว่ามีความเสี่ยง อาจมีผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ปะปนอยู่ในสังคม ที่สำคัญกลุ่มชุมนุมมีการรวมตัวของ คนจำนวนมาก อาจเกิดการกระจายของเชื้อโควิด-19 หรือ ไข้หวัดได้ง่าย ซึ่งทั้งสองโรคนี้อาการป่วยจะใกล้เคียงกันมาก
          แนะกักตัว14วันหลังเข้าร่วมชุมนุม
          ดังนั้น จึงขอความร่วมมือทุกคนหลังกลับจากการเข้าร่วมชุมนุมให้เฝ้าระวังสังเกตอาการของตัวเองจนครบ 14 วัน วัดไข้ ใส่หน้ากาก แยกสำรับอาหารและของใช้ส่วนตัว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้คนในครอบครัว หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เนื่องจากกลุ่มนี้หากป่วยจะมีอาการรุนแรง และอาจเสียชีวิตได้ หากมีอาการ ไข้ ไอเจ็บคอ น้ำมูก การรับรส กลิ่นลดลง ให้ไปรับการตรวจวินิจฉัยที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที
          ชมม็อบแข็งแรงไม่ป่วยใส่แมส90%
          ขณะที่นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต  อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีภาวะฉุกเฉิน กล่าวถึงผลดำเนินการรับมือป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กรณีการชุมนุมทางการเมืองของนักศึกษาประชาชนว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จากการตั้งจุดบริการสาธารณสุขบริเวณพื้นที่การชุมนุม ไม่พบผู้ที่มีป่วยอาการรุนแรง มีเพียง 2-3 ราย เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว จึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาล (รพ.) เพื่อรักษา ไม่มีผู้ป่วย เป็นม็อบที่แข็งแรง ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สวมหน้ากากป้องกันประมาณร้อยละ 80-90 และยังไม่พบผู้ป่วยอาการรุนแรง
          ถอดบทเรียนเตรียมรับมือครั้งต่อไป
          นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานปัญหาจากผู้ปฏิบัติงานที่หน้างาน แต่การทำงานแต่ละช่วงจะพบปัญหาบ้าง และมีความแตกต่างกันออกไป เจ้าหน้าที่จึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามแต่ละปัญหานั้น อย่างไรก็ตาม ทีมปฏิบัติงาน จะประชุมผลดำเนินงานที่ผ่านมา 2 วัน เพื่อถอดบทเรียน หารือว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เพื่อวางแผนรับมือครั้งต่อไป เพราะหากนัดรวมตัวกันอีกครั้ง เราจะได้ถอดบทเรียนเตรียมการ คาดว่าจะได้ผลสรุปหลังการประชุม
          นพ.เอนกยังย้ำว่า มีคำแนะนำสำหรับประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม ขอให้ สังเกตอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ 14 วัน หากพบว่ามีไข้ ไอ เจ็บคอ หรือมีอาการป่วย ให้รีบไปพบแพทย์ในสถานพยาบาลใกล้บ้านทันที และต้องแจ้งกับแพทย์ว่ามีประวัติเข้าร่วมกิจกรรมในวันและเวลาใด