Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 01/10/2563 ]
ห่วง10จว.ชายแดน สธ.แนะซ้อมรับมือโควิดเมียนมาสธ.แนะซ้อมรับมือโควิดเมียนมา

  หวั่นระบาดกระทบไทยส่ง214แรงงานลอตแรกบินไปขุดทองอิสราเอล'ภูเก็ต'คุมเข้มคัดกรอง
          สถานการณ์โควิดในไทยพบใหม่ 5 ราย กลับจาก "ซูดานใต้-อินเดีย- คูเวต" สธ.ห่วงการระบาดในเมียนมา หากยังระบาดไม่หยุดกระทบไทยแน่ มีคนหนีเข้าไทย ผิดกฎหมาย ต่อเนื่อง ย้ำ 10 จังหวัดติดชายแดน อยากให้เตรียมพร้อมซักซ้อม รับมือทุกภาคส่วน อย่าประมาท เข้มมาตรการสกัดลักลอบเข้า ปท.เตือนอย่าตื่นตระหนกระบาดรอบ 2 มา หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดต่อเนื่องของมาตรการสาธารณสุข  ก.แรงงานลุยส่งผู้ใช้แรงงานลอตแรกไปอิสราเอล 214 ราย ด้านภูเก็ตซักซ้อมความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวชุดแรกที่จะเข้าปท. 8 ตุลาคม
          เมื่อวันที่ 30 กันยายน  ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  หรือ ศบค.  เปิดเผยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือโควิด-19 รายวันว่า พบผู้ป่วยใหม่ 5 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3,374 คน ยืนยันผู้ป่วยสะสม 3,564 คน รักษาอยู่ 131 คน และ เสียชีวิตรวม 59 คน
          ป่วยใหม่5จากซูดาน-อินเดีย-คูเวต
          โดยผู้ป่วยรายใหม่เดินทางมาจาก ซูดานใต้ 1 ราย เป็นผู้ป่วยชายไทย อายุ 34 ปี อาชีพรับราชการทหาร ซึ่งเป็น ทหารช่างเฉพาะกิจ ไปปฏิบัติภารกิจทางทหาร เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 กันยายน ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ ซึ่งพบผู้ป่วยยืนยันในเที่ยวบินเดียวกัน 23 ราย เข้าพัก State Quarantine ที่จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กันยายน ผลไม่ชัดเจน ตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
          ส่วนอีก 3 ราย เดินทางมาจากอินเดีย เป็นผู้ป่วยเพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 31 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ซึ่ง มีใบอนุญาตทำงาน เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 23 กันยายน เข้าพัก Alternative State Quarantine ที่จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นเที่ยวบินเดียวกับ ผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 6 ราย ตรวจหาเชื้อ ครั้งแรก เมื่อวันที่ 28 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ และผู้ป่วยเพศชาย สัญชาติไทยอายุ 26 และ 64 ปี เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 กันยายน ซึ่งเป็นเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย เข้าพัก State Quarantine ที่จ.สมุทรปราการ ตรวจหาเชื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
          ขณะที่อีก 1 ราย มาจากคูเวต เป็นผู้ป่วยชายไทย อายุ 41 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 กันยายน เข้าพัก State Quarantine ที่กรุงเทพมหานคร ตรวจหาเชื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารักษาในโรงพยาบาล นพรัตนราชธานี กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้ป่วยเดินทางไปคูเวตทำงานโรงงานกลั่นก๊าซ และพักในแคมป์คนงาน ซึ่งมีผู้ป่วยยืนยัน โควิด-19 จำนวนมาก ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เคยตรวจพบเชื้อ โควิด-19 และถูกแยกกักกัน 14 วัน ในสถานที่ที่โรงงานจัดให้ ก่อนเดินทางมาประเทศไทย
          บี้10จว.ซ้อมรับโควิดเมียนมายังแรง
          ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 ประจำวันว่า ไทย มีผู้ป่วยผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 5 ราย มาจากซูดาน 1 ราย อินเดีย 3 ราย คูเวต 1 ราย ทุกรายอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ยอด ผู้ป่วยสะสม 3,564 ราย  ทั้งนี้  ที่น่าจับตาใกล้ชิดเป็นสถานการณ์ในเมียนมาที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ถ้ายังควบคุมไม่ได้จะมีผลกระทบกับประเทศไทย โดยเฉพาะมีผู้พยายามเข้าเมืองผิดกฎหมายใน เมียนมาเข้าออกในไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 10 จังหวัดเขตติดต่อชายแดน อยาก ให้เตรียมความพร้อม ซักซ้อมรับมือทุก ภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน อย่าประมาท แม้ในจุดที่มีสถานการณ์ระบาดในเมียนมา ยังอยู่ห่างชายแดนพอสมควร
          มาตรการสธ.เข้มระบาดรอบ2ยาก
          "เราต้องช่วยกันสอดส่อง งดนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าประเทศเด็ดขาด ฝ่ายความมั่นคง ควรร่วมมือตรวจจับกับภาคเอกชน ร่วมมือโรงงานสถานประกอบการ หอพักอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวหยุดนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าประเทศ" นพ.ธนรักษ์ กล่าว และยกตัวอย่าง 10 จังหวัดในจีน ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อมานานแล้วว่า ความจริง ไม่ใช่ว่าทุกพื้นที่ต้องกลับมาระบาด รอบ 2 อย่างจีนในหลายจังหวัด ดังนั้น การระบาดระลอก 2 จะเกิดขึ้นหรือไม่อยู่กับมาตรการแต่ละประเทศ ไม่เกี่ยวกับการที่ไม่มีผู้ป่วยมานานหรือไม่ ตน เชื่อมั่นว่าหากทุกคนเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ จะทำให้จัดการกับสถานการณ์ ได้ดีขึ้น ตนมั่นใจว่า ถ้าเรายังมีมาตรการเข้มแข็ง โอกาสที่จะระบาดรอบ 2 ก็ยากขึ้น และมีผู้ป่วยจำนวนน้อย มาตรการควบคุมป้องกันต่างหากที่จะช่วยหยุดยั้งการระบาดของโควิด-19 ได้ ขออย่าให้ประชาชนวิตกว่าจะระบาด รอบสองหรือไม่ หรือจะมาถึงเมื่อไหร่
          ชงตั้ง ศปก.ศบค.ผนึกงานศบค.-ศบศ.
          ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล  นาคพาณิชย์ รองผบ.ทบ.และว่าที่เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ตึกบัญชาการ ก่อนเปิดเผยว่า ตนมาเข้าพบนายวิษณุ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับระเบียบและข้อกฎหมายในการทำงานของ ศบค.ที่ตนมีหน้าที่รับผิดชอบ ในฐานะรอง ประธานกรรมการในคณะกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19  เพื่อให้การทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะหลังจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาฯสมช. แล้ว ก็อยากให้การทำงานเดินหน้าต่อไปได้ราบรื่น จึงจะเสนอนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.ลงนามตั้งศูนย์ปฏิบัติ ศบค.หรือ(ศปก.ศบค.) คาดว่าจะมีผลวันที่ 1 ตุลาคม
          พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า ศูนย์ ดังกล่าวมีตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เพื่อขับเคลื่อนงานของคณะกรรมการ เฉพาะกิจฯที่ทำอยู่ก่อนหน้านั้น และหน้าที่ใหม่ที่ได้รับมอบหมายให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่สะดุดในระหว่างเปลี่ยนผ่านนี้ รวมถึงขับเคลื่อนนโยบายที่ศบค.ที่ดูแลด้านสาธารณสุข ให้ควบคู่ไปกับศบศ.ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเกี่ยวกับผลกระทบ จากโควิด ที่ต้องเร่งฟื้นฟูให้ไปพร้อมกันได้ โดยโครงสร้างของศูนย์ ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการบูรณาการ งานของคณะกรรมการเฉพาะกิจทั้งหมด และจะมีการประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวัน
          ส่ง214แรงงานไทยไปอิสราเอล
          วันเดียวกัน  นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.แรงงาน พร้อมนางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เดินทางไปตรวจเยี่ยมแรงงานไทย ที่เดินทางไปทำงานในภาคเกษตรที่อิสราเอล ที่ด่านตรวจคน หางาน กรมการจัดหางาน อาคาร ผู้โดยสารระหว่างประเทศ ภายในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ก่อนเผยว่า นายกฯให้ความสำคัญกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ เพราะแต่ละปีไทยส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศมากกว่า 100,000 คน มีรายได้ส่งกลับประเทศกว่า 100,000 ล้านบาท จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องชะลอจัดส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ กระทั่งปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลาย ไทยมีมาตรการที่ควบคุมการระบาดของเชื้อได้
          นางธิวัลรัตน์กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นการจัดส่งแรงงานไทย 2 กลุ่มคือ กลุ่มจ้างงานใหม่ 131 คน และแรงงานที่กลับมาพักชั่วคราวในประเทศไทย ที่เคยชะลอเดินทางเข้าประเทศอิสราเอล เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์และนายจ้างรับกลับไปทำงานในอิสราเอลตามเดิม 83 คน รวม 214 คน โดยเดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ สายการบิน Air Asia X เที่ยวบิน XJ 208
          ภูเก็ตทดสอบแล็บตรวจโควิด
          อีกด้านที่ จ.ภูเก็ต มีการเตรียมพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวจากจีนที่จะ เดินทางมาลอตแรกวันที่ 8 ตุลาคมนี้ โดยที่อาคาร X-Terminal ท่าอากาศยานภูเก็ต  นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตรวจการซักซ้อมขั้นตอนกระบวนการเก็บสิ่งส่งตรวจและปฏิบัติการชีวโมเลกุล ระบบควบคุมความปลอดภัยด้วยแรงดันลบ จากกรมควบคุมโรค สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเตรียมความพร้อมรับผู้โดยสารเดินทางระหว่างประเทศที่จะมาถึงในเดือนตุลาคมนี้
          ผู้ว่าฯยังไม่ได้รับแจ้งนทท.เข้า8ต.ค.
          นายณรงค์กล่าวว่า จ.ภูเก็ต เตรียมการมาเป็นลำดับ ตั้งแต่เรื่องผู้โดยสารลงมาจากเครื่องบินและผ่านระบบการตรวจสอบ เชื่อมั่นว่ามีความพร้อมแล้ว โดยปฏิบัติตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 หมายความว่าต้องผ่านความเห็นชอบของกระทรวงการต่างประเทศ ประสานกระทรวงมหาดไทย จากนั้นกระทรวงมหาดไทยจะแจ้งมาที่จังหวัด ซึ่งบูรณาการทำงานทุกขั้นตอน ส่วนที่มีข่าวว่านักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษจะเริ่มเข้ามาวันที่ 8 ตุลาคม จังหวัดยัง ไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจาก ส่วนกลาง
          พร้อมทุกขั้นตอนรู้ผลตรวจใน3ชม.
          นายณรงค์อธิบายขั้นตอนการรับมือนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาจ.ภูเก็ตว่า  เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง จะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ซักประวัติ ลงทะเบียน และส่งตัวไปตรวจไวรัสโควิด-19 ที่ห้องเก็บสิ่งส่งตรวจ ซึ่งรองรับการตรวจได้รอบละ 96 ตัวอย่าง ใช้เวลาตรวจทางห้องปฏิบัติการ ประมาณ 3 ชั่วโมง และทราบผลทันที  จากนั้นจะส่งผลตรวจไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คาดว่ารองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 500 คนต่อวัน ซึ่งห้องปฏิบัติการได้ตรวจรับรองมาตรฐานโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หลังเก็บตัวอย่างแล้ว รถโรงแรมจะรับ นักท่องเที่ยวไปส่งที่พัก ALQ (Alternative Local Quarantine) ซึ่งเป็นสถานกักตัวระดับจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเลือกและผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

 pageview  1210916    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved