Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 29/10/2563 ]
โควิดเขย่าโลก สธ.จับตาติดเชื้อพุ่ง4แสน/วัน

 ย้ำไทยเฝ้าระวังชายแดนเน้นติดเมียนมา-มาเลย์
          ศบค.พบป่วยโควิดอีก 13 ราย จาก 8 ประเทศ มีพระด้วย 2 รูป  สธ.แถลงเป็นห่วงสถานการณ์ติดเชื้อทั่วโลกไม่ดีขึ้น วิกฤติต่อเนื่อง ยอดป่วยใหม่พุ่งวันละ 4 แสน ชี้แม้ไทย สถานการณ์ค่อนข้างดี แต่ต้องเฝ้าระวังชายแดนโดยเฉพาะที่ติดเมียนมา-มาเลย์ ที่ยังมีผู้ติดเชื้อ ต่อเนื่อง ย้ำคนไทยเข้มมาตรการสาธารณสุข ต่อไป สื่อต่างประเทศรายงานจำนวนคนติดเชื้อทั่วโลกพุ่งกว่า 44 ล้านแล้ว สหรัฐชาติเดียวทะลุกว่า 9  ล้าน
          เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด- 19 (ศบค.) สรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า พบผู้ป่วยใหม่ 13 ราย มาจาก 8 ประเทศเข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,759 ราย ผู้ที่รักษาหายแล้วเพิ่ม 19 ราย ยอดสะสมผู้ที่รักษาหายแล้ว 3,561 ราย  มียอดสะสมผู้เสียชีวิต 59 ราย รักษาใน โรงพยาบาล 139 ราย
          ไทยป่วย13จาก8ปท.มีพระด้วย
          สำหรับผู้ป่วยใหม่ 13 ราย แบ่งเป็น 1.ผู้ที่มาจากฝรั่งเศส 1 ราย เป็นชายสัญชาติฝรั่งเศส อายุ 49 ปี อาชีพนักธุรกิจ เดินทางมาเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 1 ราย  ตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ 2.มาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 62 ปี อาชีพพนักงานขับรถส่งอาหาร ตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ 3.ผู้ที่มาจากบังกลาเทศ 1 ราย ชายไทย อายุ 35 ปี อาชีพลูกเรือบรรทุกน้ำมัน ตรวจพบเชื้อ มีอาการไอและมีเสมหะ
          4.มาจากจอร์แดน 4 ราย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 21, 23, 25, 30 ปี มาเที่ยวบินเดียวกับที่พบผู้ป่วยยืนยัน ก่อนหน้านี้ 6 ราย ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ 5.มาจากเยอรมนี 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 51 ปี อาชีพแม่บ้าน ตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ 6.มาจากรัสเซีย 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้าง ตรวจพบเชื้อ ไอแห้ง หอบเหนื่อย 7.มาจากสหราชอาณาจักร 2 ราย เป็นพระสงฆ์ไทย 2 รูป อายุ 28, 30 ปี ทั้ง 2 รูปผลตรวจพบเชื้อ แต่รูปแรกมีอาการไอ ส่วนรูปที่ 2 มีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูกและเสมหะส่งตัวไปรักษาที่รพ.บางจาก  8.มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 22, 40 ปี อาชีพพนักงานนวด/สปา ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ
          สธ.จับตาโควิดโลกพุ่งวันละ4แสน
          ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า  ขณะนี้สถานการณ์ทั่วโลกระบาดแนวโน้มไม่ดีขึ้นเลย มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากเดิมหลายเดือนก่อนอัตราผู้ป่วยรายใหม่ต่อวันอยู่ที่ 2-3 แสน ล่าสุด อัตราป่วยรายใหม่อยู่ที่ประมาณวันละ 4 แสนราย อัตราการเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกันเป็นวันละประมาณ 7 พันราย ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือ สหรัฐ อินเดีย บราซิล และประเทศแถบยุโรป ซึ่งเป็นการระบาดระลอก 2 ที่รุนแรงกว่ารอบแรกมาก โดยบางประเทศยอมให้ติดเชื้อในจำนวนที่รับมือได้ เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ แต่มีบางประเทศเริ่มมีอัตราป่วยเกินศักยภาพของสถานพยาบาลรองรับ จึงอยู่ระหว่างพิจารณาปรับมาตรการรับมือ
          ย้ำไทยเฝ้าระวังด่านติดมาเลย์-เมียนมา
          นพ.ธนรักษ์กล่าวต่อว่า สำหรับไทยสถานการณ์ค่อนข้างดีมาก แต่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นที่ด่านติดมาเลเซียซึ่งพบผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง และเมียนมาสถานการณ์ค่อนข้างชะลอตัว โดยที่อ.แม่สอด จ.ตาก หลังพบคนขับรถชาวเมียนมาติดเชื้อเข้ามาในไทยและติดตามสอบสวนโรค พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 5 ราย ตาม ที่รายงานไปก่อนหน้านี้นั้น ถึงตอนนี้ตรวจค้นหาเชิงรุกกว่า 1 หมื่นราย ตรวจเพิ่มอีก 1,000 คน ไม่เจอผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม สถานการณ์ที่แม่สอดถือว่าดีมาก และเริ่มเปิดพรมแดนอีกครั้ง
          รอผลผู้สัมผัสสาวฝรั่งเศสอีก80คน
          ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนโรคที่เกี่ยวกับกรณีหญิงฝรั่งเศสติดเชื้อ โควิด ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นั้น นพ.ธนรักษ์เปิดเผยว่า  ขณะนี้ติดตาม ผู้สัมผัสที่เกาะสมุยได้เกือบหมดแล้ว จากที่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 46 คน และเก็บตัวอย่างไว้ทั้งหมด 41 คน ผลเป็นลบทั้งหมด ยังเหลือคนขับแท็กซี่ 2 คน และคนที่ไปเที่ยวบาร์แห่งเดียวกันกับผู้ป่วยอีก 3 คน ซึ่ง 1 ราย พบตัวแล้วนำเข้ากักตัวและตรวจเชื้อ ส่วนอีก 2 คน ทราบว่าออกจากพื้นที่สมุยแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้สัมผัสผู้ป่วยที่เกาะสมุยถ้านับจำนวนวันแล้วก็ใกล้ครบ 14 วันแล้ว ขณะที่กลุ่มเสี่ยงต่ำมีอยู่ 80 คน จะติดตามให้ครบและเฝ้าระวังต่อจนครบ 14 วัน
          เคาะยกเครื่องที่กักตัวASQสัปดาห์หน้า
          ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการหลังพบหญิงชาวฝรั่งเศส อายุ 57 ปีติดโควิดในสถานที่กักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine (ASQ)) และพบเชื้อตกค้างภายในฟิตเนส ของ ASQ ว่า กรณีที่เกิดขึ้นใน ASQ  จ.สมุทรปราการนั้น คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมีมาตรการออกมาคือ   1.ให้โรงแรมแห่งนี้หยุดรับคนเพิ่ม 2.ให้เข้มงวดการปฏิบัติตามแนวทางจำกัดการติดเชื้อในจุดต่างๆ และ 3.เนื่องจากอยู่ระหว่างการหาข้อมูลการสอบสวนโรคจึงให้ผู้เข้าพักทั้งหมดอยู่แต่ในห้องไม่อนุญาตให้ออกมาใช้พื้นที่ส่วนรวม และหลังผู้เข้าพักอาศัยพ้นระยะกักตัวครบถ้วนแล้วก็จะทำความสะอาดเพิ่มเติม
          นพ.ธเรศกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เดิมการพิจารณาว่า โรงแรมไหนผ่านได้รับเลือกเป็นสถานกักกันทางเลือก หรือ ASQ จะมีคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่ตรวจประเมิน แต่ขณะนี้การมี ASQ เป็นเรื่องระยะยาว จึงต้องมีกลไกตรวจประเมินให้ชัดเจนเป็นระบบ โดยตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจประเมินมาตรฐาน มีรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานทำหน้าที่ติดตามดำเนินการของ ASQ ให้ได้มาตรฐาน ซึ่งจะลงไปตรวจเยี่ยมเป็นระยะๆ ตรวจเยี่ยมเป็นระยะ แต่ตัวเลขการป่วยใน ASQ ไม่ได้มาก ที่ผ่านมาพบติดเชื้อเพียง 0.42%   อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบสถานที่กักตัวทางเลือกไม่ได้ มาตรฐาน จะลงโทษตามขั้นตอนคือ 1.สั่งปรับปรุง 2.สั่งระงับการรับผู้เข้าพักเพิ่ม และ 3.ถ้าไม่ได้มาตรฐานมากๆ จนทำให้มีคนติดและแพร่เชื้อต้องเพิกถอนการเป็น ASQ ขณะนี้ สบส. โดยคณะกรรมการกำหนดมาตรฐาน อยู่ระหว่างพิจารณาจัดกลุ่มผู้เข้าพักใน ASQ เบื้องต้นแบ่งเป็น กลุ่มประเทศเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำคือในประเทศต้นทางที่มามีจำนวนผู้ป่วยเยอะหรือไม่ มีโครงสร้างพื้นฐานระบบควบคุมโรคดีหรือไม่ โดยเรื่องเหล่านี้จะประชุมพิจารณาในสัปดาห์หน้า
          ครม.อนุมัติต่อพรก.ฉุกเฉินครั้งที่8
          ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมรับทราบการขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-30 พฤศจิกายน เพื่อควบคุมป้องกันการระบาดของโควิด-19 ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 8 ในการประกาศใช้
          นายกฯตรวจระบบคัดกรองนทท.สมุย
          นายอนุชาแถลงต่อว่า ครม.เห็นชอบประชุมครม.เป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร)วันที่ 2-3 พฤศจิกายน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ตรวจราชการที่จ.สุราษฎร์ธานี และประชุมครม.สัญจรที่ภูเก็ต โดยวันที่ 2 พฤศจิกายน นายกฯ จะลงพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตรวจเยี่ยมการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเกาะสมุย จากนั้นจะตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine : ASQ) และเดินทางไปสำนักงานเทศบาลนครเกาะสมุย เพื่อติดตาม ผู้เดินทางเข้า-ออกเกาะสมุย จากนั้นช่วงบ่าย จะไป จ.ภูเก็ต ตรวจเยี่ยมมาตรการคัดกรองการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว ต่างชาติ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
          ไฟเขียวเรือยอชต์-เรือสำราญเข้าไทย
          น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.เพิ่มเติมกรณีอนุญาตให้คนต่างด้าว บางกลุ่มอยู่ในราชอาณาจักรกรณีพิเศษ เป็นการอนุญาตให้เรือสำราญ หรือเรือกีฬา หรือเรือยอชต์ เข้ามาในราชอาณาจักรได้ ซึ่งต้องเป็นบุคคลต่างด้าวประสงค์มา ท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ กลุ่มบุคคล ผู้ควบคุมยานพาหนะ หรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือผู้โดยสารที่มาจากประเทศเสี่ยงต่ำ หรือปานกลางตามการจัดกลุ่มของกระทรวงสาธารณสุข โดยผ่อนคลายสำหรับผู้ไม่มีสัญชาติไทยให้เข้าไทยได้ โดยต้องกักตัว 14 วัน พร้อมมีหลักฐานเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ และเรือกีฬา
          นอกจากนี้ ต้องมีหลักฐานกรมธรรม์ประกันสุขภาพคุ้มครองการตรวจรักษา โควิด-19 วงเงิน 1 แสนเหรียญสหรัฐ ตลอดเวลาที่อยู่ในไทย และต้องมีหลักฐานชำระเงินเช่า จองสถานที่เพื่อจอดเรือ อีกทั้งต้องปฏิบัติตามประกาศของกรมเจ้าท่า ว่าด้วยแนวปฏิบัติสำหรับเรือสำราญ และเรือกีฬาที่เข้ามาในน่านน้ำไทย สำหรับบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาโดยเรือยอชต์ ต้องผ่านคุณสมบัติข้างต้น และได้รับการตรวจลงตราวีซ่าประเภท Special Tourist Visa (STV) จะต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 2 พันบาท และได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยเป็นเวลา 90 วัน อย่างไรก็ตาม หากครบ 90 วันแล้ว สามารถขออนุญาตอยู่ต่อได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน ซึ่งเป็นการเปิดให้นักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งที่มีศักยภาพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
          ทั่วโลกติดเชื้อทะลุ44ล้านราย
          สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอด ผู้ติดเชื้อรวม 44,236,745 ราย ผู้ที่มีอาการ รุนแรง 79,922 ราย รักษาหายแล้ว 32,444,043 ราย เสียชีวิต 1,171,308 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด คือสหรัฐอเมริกา มีจำนวน 9,038,030 ราย ตามด้วยอินเดีย 7,988,853 ราย บราซิล 5,440,903 ราย รัสเซีย 1,547,774 ราย ฝรั่งเศส 1,198,695 ราย
          ฝรั่งเศสดับกว่า500เล็งเพิ่มกฎเข้ม
          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศสเผยรอบ 24 ชั่วโมง มีผู้ติดเชื้อสะสมมีจำนวนอย่างน้อย 1,198,695 คน เพิ่ม 33,417 คน เพิ่มขึ้น มากถึง 60% ขณะที่ สถิติสะสมของ ผู้เสียชีวิตจาก โควิด-19 ในฝรั่งเศส มีอย่างน้อย 35,541 คน เพิ่มขึ้น 523 คน ภายในวันเดียว มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ภายใต้ มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด โดยนายกรัฐมนตรีฌ็อง กัสเต็กซ์ ยอมรับว่า ยัง ไม่สามารถควบคุมวิกฤติโควิดระบาดระลอกสองได้ ขอให้ทุกภาคส่วนในฝรั่งเศสเพิ่มความร่วมมือเพื่อปกป้องชีวิตของทุกคน และระบุด้วยว่า อาจเพิ่มเติมการบังคับใช้มาตรการบางอย่างเพิ่มเติม นอกเหนือจากเคอร์ฟิวที่ใช้อยู่ตอนนี้
          อิตาลีติดเชื้อทุบสถิติใหม่อีกรอบ
          กระทรวงสาธารณสุขของอิตาลีรายงานว่า รอบ 24 ชั่วโมงยืนยัน ผู้ป่วยใหม่ 21,994 คน เป็นสถิติรายวัน สูงสุดตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อคนแรก เพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 564,778 คน รักษาหายแล้ว 271,988 คน เพิ่มขึ้น 3,362 คน และเสียชีวิต อย่างน้อย 37,700 คน เพิ่มขึ้น 221 คน ขณะเดียวกันยังมีการประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมทางสังคมครั้งใหม่ทั่วอิตาลี ตามเมืองใหญ่หลายแห่งวันที่สองติดต่อกัน
          ทั่วโลกติดพุ่ง44ล.-สหรัฐทะลุ9ล้าน
          สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นับจนถึงช่วงเย็นวันที่ 28 ตุลาคม 2563 พบว่า มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 44,322,719 ราย ผู้เสียชีวิต 1,173,189 ราย รักษาหาย 32,486,703 ราย สหรัฐ มีผู้ติดเชื้อ 9,039,170 ราย เสียชีวิต 232,101 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 7,990,322 ราย เสียชีวิต 120,054 ราย บราซิล ติดเชื้อ 5,440,903 ราย เสียชีวิต 157,981 ราย รัสเซีย ติดเชื้อ 1,563,976 ราย เสียชีวิต 26,935 ราย ฝรั่งเศส ติดเชื้อ 1,198,695 ราย เสียชีวิต 35,541 ราย

 pageview  1210911    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved