Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 29/10/2563 ]
คุมโควิด ไม่ใช่ฟลุ๊ค ประชาชนการ์ดอย่าตก

หากติดตามข่าวต่างประเทศ จะทราบว่า สถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศ ยังรุนแรงอยู่
          ถ้าเทียบกับสถานการณ์ในต่างประเทศกับในประเทศไทย ไม่เกินเลยที่จะกล่าวว่า  ในต่างประเทศเหมือน "มหาสมุทรในยามมรสุม"  ส่วนในไทยเราเหมือน "สระว่ายน้ำริมทะเล"แต่รัฐบาลการ์ดตกไม่ได้ และประชาชนก็ห้ามประมาท 1. ประมวลสถานการณ์ต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย - กระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในรอบ 24 ชม. ที่ผ่านมา มีจำนวน 3,520 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 396,454 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะนี้ การระบาดของโรค COVID-19 ได้แพร่กระจายไปทั้ง 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่ มีจำนวน 101 ราย ส่งผลให้มีจำนวน ผู้เสียชีวิตรวม 13,512 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
          กัมพูชา - ตรวจพบเชื้อ COVID-19 จากหญิงชาวฝรั่งเศส อายุ 23 ปี ที่เพิ่งเดินทางจากฝรั่งเศสและต่อเครื่องที่สิงคโปร์ ก่อนเดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อ 25 ต.ค. 2563 ปัจจุบันหญิงชาวฝรั่งเศสรายนี้ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ. มิตรภาพกัมพูชา-โซเวียต ขณะที่ผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางในเที่ยวบินเดียวกันได้ถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน
          มาเลเซีย - ตัน ศรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งหลังจากล้มเหลวในการเสนอประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19
          จีน - เร่งตรวจหาเชื้อโรค COVID-19 ในประชาชนจำนวนประมาณ 4.7 ล้านคน ในเขตปกครองซินเจียง ภายหลังพบว่ามีผู้ติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้นพร้อมกันจำนวน 137 คน ในเมือง Kashgar ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อกลุ่มใหม่ที่พบในเมือง Kashgar เป็นกลุ่มที่ไม่แสดงอาการ
          อิตาลี - รัฐบาลอิตาลีประกาศยกระดับมาตรการควบคุมทางสังคม เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศระลอกที่สอง โดยให้หลีกเลี่ยงการเดินทางระหว่างเมือง งดให้บริการโรงภาพยนตร์ โรงละคร สนามกีฬาในร่ม และสระว่ายน้ำ ขณะที่ร้านอาหารและบาร์ต้องปิดบริการหลังเวลา 18.00 น. และโรงเรียนเปิดเรียนตามปกติแต่ให้จัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์อย่างน้อยร้อยละ 75 ของหลักสูตร
          มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 26 ต.ค.- 24 พ.ย.2563 ทั้งนี้ การออกมาตรการดังกล่าว เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชม. เพิ่มขึ้น 19,646 คน ซึ่งเป็นสถิติรายวันสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดเมื่อปลาย ม.ค.2563
          สเปน -  ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ ยกเว้นที่เกาะ Canary  เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกที่สอง โดยห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 23.00-06.00 น. พร้อมกับปิดชายแดน และห้ามประชาชนรวมตัวเกิน 6 คนขึ้นไป เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ สเปนเป็นประเทศแรกในยุโรปที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสมเกิน 1 ล้านคน เมื่อ 21 ต.ค.2563
          โปแลนด์ - ประธานาธิบดี Andrzej Duda เข้ารับการตรวจเชื้อ COVID -19 เมื่อ 23 ต.ค.2563 ผลยืนยันเป็นบวก แต่อาการไม่น่ากังวล ก่อนหน้านี้ ได้เข้าร่วมการประชุมด้านการลงทุนที่กรุง Tallinn เอสโตเนีย โดยพบกับประธานาธิบดี Kersti Kaljulaid ของเอสโตเนีย รวมทั้งประธานาธิบดี Rumen Radev ของบัลแกเรียด้วย ซึ่งหลังจากการยืนยันการตรวจเชื้อ ประธานาธิบดี เอสโตเนียเข้ารับการตรวจเชื้อทันที แต่ผลเป็นลบ ส่วนประธานาธิบดีบัลแกเรียลดกำหนดการเยือนเอสโตเนียและกลับบัลแกเรียเพื่อกักตัวเอง ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในโปแลนด์ยังคงน่ากังวล โดยจำนวน ผู้ติดเชื้อใหม่ใน 24 ชม.เพิ่มมากกว่า 13,600 ราย และเริ่มกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วน
          ฯลฯ 2. ที่ประชุม ครม.เมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม 2563) มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 ออกไปอีก 1 เดือน (1 - 30 พ.ย. 2563)
          3. รัฐบาลลุงตู่ยังได้ติดตามการบริหารสถานการณ์โควิด-19 อย่าง ใกล้ชิด โดย ที่ประชุม ครม.เมื่อวานนี้ รับทราบสรุปสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรคข้อเสนอแนะ
          บางส่วนที่น่าสนใจ ดังนี้ 3.1 สถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2563 มีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 41,018,201 ราย โดยประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมาก 3 ลำดับแรกของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินเดีย และบราซิล
          สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2563 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม จำนวน 3,709 ราย เป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,259 ราย (ร้อยละ 33.94) หายป่วยแล้ว 3,495 ราย (ร้อยละ 94.23) เสียชีวิต  59 ราย (ร้อยละ 1.59) และกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล 155 ราย (ร้อยละ 4.18)
          3.2  ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนไวรัสโควิด-19
          ที่ประชุมรับทราบรายงานความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกและแนวทางการดำเนินการเพื่อให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 โดยได้มีการทำความร่วมมือด้านการวิจัยกับต่างประเทศ จัดสรรงบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการวิจัยพัฒนาและการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิต โดยสนับสนุน บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ให้ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด-19 รวมถึงการลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงการผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 ชนิด Adenoviral vector (AZD1222) ซึ่งพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2563
          3.3  การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดน  มีการดำเนินการ ดังนี้
          1) การสกัดกั้นและจับกุมบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
          2) การตรวจกิจกรรมและสถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนคลาย3) การกำหนดมาตรการตรวจสอบแรงงานต่างด้าวเมียนมาในสถานประกอบการในลักษณะบูรณาการ โดยกรุงเทพมหานครและจังหวัด 70 จังหวัด ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานประกอบการทั้งหมดที่มีการจ้างแรงงานชาวเมียนมา มีจำนวนทั้งสิ้น 106,208 แห่ง ดำเนินการออกตรวจแล้วจำนวน 963 แห่ง (ข้อมูลสะสมจำนวน 1,882 แห่ง) ดำเนินการตรวจคัดกรองโรค โควิด-19 แรงงานชาวเมียนมาแล้ว จำนวน 9,231 คน  (ข้อมูลสะสมจำนวน 12,068 คน) ดำเนินการสุ่มตรวจไวรัสโควิด-19 ของแรงงานชาวเมียนมาแล้ว จำนวน 1,496 คน ทั้งนี้ ไม่พบผู้ติดเชื้อ
          4) การป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19)ตามแนวชายแดน ซึ่งได้มีมาตรการสำหรับจังหวัดชายแดนที่มีช่องทางขนส่งสินค้า 27 จังหวัด และรับทราบประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก ฉบับที่ 31/2563 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2563 เรื่อง มาตรการป้องกัน ควบคุมโรคโควิด-19 โดยได้มีคำสั่งระงับการนำเข้า - ส่งออกสินค้าใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดตากและกาญจนบุรี เนื่องจากพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฯลฯ
          4.ทั้งหมดนี้ สะท้อนว่า ความสำเร็จในการปกป้องชีวิตของคนไทยจากโควิด-19 กระทั่งเมืองไทยได้รับการยกย่องในการบริหารจัดการในระดับแถวหน้าของโลกนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือฟลุ๊ค หรือได้มาง่ายๆ แต่เกิดขึ้นเพราะความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน และการติดตามกำกับอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลผู้กำหนดนโยบายอย่างเข้มแข็ง เอาจริง และต่อเนื่อง
          มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือง่ายๆ เหมือนที่นักการเมืองฝ่ายค้านและฝ่ายขับไล่รัฐบาลบางส่วนออกมาเย้ยหยัน ด้อยค่า ขอเปลี่ยนรัฐบาล แล้วคุยโวว่าพวกตัวก็บริหารสถานการณ์ได้

 pageview  1210911    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved