Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 27/11/2563 ]
กลางปี 64ได้เฮนายกฯแจงเริ่มฉีดวัคซีนโควิด

 ยันประสิทธิภาพสูง90%เร่งเปิดปท.-ฟื้นวิกฤติศก.
          ไทยป่วยโควิดอีก 16 ราย สธ.ชี้ไม่ใช่สิ่งน่ากังวล แสดงว่าไทยมีระบบตรวจเฝ้าระวังเข้มแข็ง นายกฯแจงผ่านเฟซบุ๊คความคืบหน้าจัดหาวัคซีนของไทย ระบุได้ลงนามข้อตกลงกับออกซฟอร์ดและแอสทราเซเนกา ที่ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนป้องกัน โควิดได้ระดับดีมาก เหมาะกับไทยทั้งราคาที่เข้าถึงได้ การเก็บรักษาไม่ยุ่งยาก ง่ายต่อการ ขนส่ง กระจายให้ถึงทั่วทุกจังหวัดคาดผลิตและ ใช้ได้กลางปี 2564 ย้ำยิ่งดำเนินการได้เร็ว เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ช่วยฟื้นฟู เศรษฐกิจทันท่วงที ย้ำคนไทยการ์ดอย่าตก
          ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันที่ 26 พฤศจิกายนระบุ มีผู้ป่วยใหม่ 16 ราย  ทำให้มียอดสะสม 3,942 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,454 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,488 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 3,788 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) 94 ราย เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
          สำหรับผู้ติดเชื้อใหม่ 16 คน ดังกล่าว มาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค (Quarantine) ผลตรวจพบเชื้อแต่ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ แบ่งเป็น 1.ผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย หญิงไทย อายุ 11 ปี อาชีพนักเรียน 2.มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ชายไทย อายุ 43 ปี อาชีพช่างเชื่อม 3.มาจากคูเวต 1 ราย ชายไทย อายุ 44 ปี อาชีพเกษตรกร 4.มาจาก กาตาร์ 1 ราย ชายไทย อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง 5.มาจากสวีเดน 1 ราย หญิงไทย อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้าง 6.มาจากตุรกี 9 ราย รายที่ 1-2 เป็นหญิงไทย อายุ 33 ปี อาชีพแม่บ้าน และ 51 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว รายที่ 3-4 เป็นหญิงไทย อายุ 42 ปี และ 43 ปี อาชีพพนักงานนวด รายที่ 5 หญิงไทย อายุ 43 ปี อาชีพรับจ้าง รายที่ 6 ชายไทย อายุ 43 ปี รายที่ 7 หญิงไทย อายุ 51 ปี เป็นแม่บ้าน รายที่ 8 หญิงไทย อายุ 52 ปี อาชีพพนักงานนวด รายที่ 9 หญิงไทย อายุ 34 ปี เป็นแม่บ้าน 7.มาจากสวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย หญิงไทย อายุ 62 ปี เป็นแม่บ้าน 8.เดินทางมาจากคูเวต 1 ราย เพศหญิง สัญชาติคูเวต อายุ 23 ปี อาชีพครู มีประวัติติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 7 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อ
          ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมากวันนี้ แสดงถึงหลายประเทศในโลกยังมีการระบาดต่อเนื่อง การที่ สธ.ตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากเข้าประเทศ ไม่ใช่สิ่งน่ากังวลหรือให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่แสดงให้เห็นว่าไทยมีระบบตรวจจับ เฝ้าระวังโรคเข้มแข็ง พบผู้ติดเชื้อไว ป้องกัน นำเชื้อจากต่างประเทศมาแพร่ให้คนในประเทศ มีประสิทธิภาพ
          เวลา 16.00 น. วันเดียวกัน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ค ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ถึงความคืบหน้าการป้องกันการระบาดของโควิด-19 และความสำเร็จของประเทศไทยว่า ขณะนี้ไทยมีแนวทางเดินไปข้างหน้า ในภาวการณ์ที่เรายังจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่กับการระบาดของโควิด ซึ่งตอนนี้ทั้งโลกตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดตั้งแต่เกิดการระบาดมา หลายประเทศมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตหลายร้อยหลายพันคน กระทั่งองค์การอนามัยโลกออกคำเตือนว่า มีโอกาสที่โควิด-19 จะระบาดอีกเป็นระลอกที่ 3 ช่วงปีหน้า ถ้าแต่ละประเทศไม่รักษาวินัย และไม่เข้มงวดควบคุมการระบาดอย่างเคร่งครัด
          นายกฯยังขอบคุณประชาชน ทุกภาคส่วน และยอมรับที่ต้องเผชิญความ ยากลำบากในการทำมาหากิน เพื่อปกป้องบ้านเมือง ไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย กว่านี้ เหมือนที่เกิดขึ้นหลายประเทศทั่วโลก ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่องค์การอนามัยโลกยอมรับไทย เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในโลก ในการรับมือโควิด-19  ซึ่งความสำเร็จของไทย เป็นความร่วมมือของประชาชนทุกระดับ ทุกภาคส่วนในสังคม และการบริหารจัดการสรรพกำลังทุกอย่าง แบบบูรณาการของรัฐบาล นอกจากนี้ รัฐบาลเตรียมตัวรับมือวางแผนบริหารจัดการสำหรับการระบาดในระลอกต่อไปของโควิด-19 ไม่ให้โรคร้ายนี้สร้างปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และความยากลำบากในความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยไปมากกว่านี้
          ส่วนการจัดการกับวิกฤติโควิด-19 ระยะยาวนั้น นายกฯกล่าวว่า การมีวัคซีนป้องกันและกระจายไปยังประชาชนให้ทั่วถึง ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนที่เป็นไปได้ว่าจะ ประสบความสำเร็จ ซึ่ง 3-4 กลุ่ม อยู่ในขั้นตอน ก้าวหน้ามากแล้ว โดยกำลังทดสอบความปลอดภัย ก่อนอนุญาตให้ใช้ได้จริง ทั้งนี้ ประเทศใหญ่ๆ ในโลกต่างพยายามล็อกคิว เพื่อได้ใช้วัคซีนเป็นประเทศแรกๆ ทันที ที่วัคซีนได้รับการยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย แล้วผลิตเสร็จออกมา ตนเห็นว่าไทยก็สมควรที่จะได้รับโอกาสนั้นด้วย คือ การเข้าถึงวัคซีนอย่างรวดเร็วและเพียงพอ เพราะการได้วัคซีนมาใช้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่ง ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นเป็นปกติเร็วขึ้นด้วย จึงเป็นเหตุผลที่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ตนตัดสินใจว่า ไทยต้องเดินหน้าหาพันธมิตรผลิตวัคซีนในประเทศไทยให้ได้ ไม่ใช่เพียงไปเข้าคิวรอซื้อจากการผลิตในประเทศอื่นอย่างเดียว โดยเลือกจับมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ น่าจะมีโอกาสทำสำเร็จได้จริงและรวดเร็ว
          พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงต่อว่า เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ความพยายามของเราประสบความสำเร็จ นอกจากได้ลงนามข้อตกลงกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และบริษัท แอสทราเซเนกา เพื่อผลิตวัคซีน ในประเทศไทย หากการพัฒนาวัคซีนสำเร็จ สิ่งสำคัญคือ ไทยยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีนด้วย และวันที่ 27 พฤศจิกายน จะลงนามเพิ่มเติมในอีกหนึ่ง ข้อตกลง เพื่อสั่งซื้อวัคซีนนี้ โดยเมื่อ 2-3 วันก่อน เรารับทราบข่าวดีว่า ทีม มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และบริษัท แอสทราเซเนกาประกาศความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนแล้ว ซึ่งมีประสิทธิภาพป้องกันโควิดได้ถึง 70-90% อยู่ในระดับที่ "ดีมาก"
          นอกจากนั้น วัคซีนที่มหาวิทยาลัย ออกซฟอร์ด และบริษัทแอสทราเซเนกา พัฒนาขึ้น จะผลิตออกมาจำหน่ายได้ราคาถูกกว่า หากเทียบกับวัคซีนของที่อื่น และสำคัญมากกว่านั้นคือ วัคซีนนี้เหมาะสมกับ ประเทศไทยมากกว่า เพราะเก็บรักษาได้ไม่ยาก ในตู้เย็นธรรมดาอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ขนส่งเพื่อกระจายวัคซีนไปทั่วทุกจังหวัด ของไทยได้ทั่วถึงไม่ยุ่งยาก
          นายกฯกล่าวด้วยว่า คาดว่าวัคซีนนี้น่าจะได้รับอนุญาตให้ใช้และผลิตได้ช่วง กลางปี 2564 ซึ่งถ้าเราเร่งขั้นตอนเร็วเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เราเปิดรับคนจำนวนมากเข้าประเทศได้ และเริ่มสร้างฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาอีกครั้ง ขณะนี้ตนกำลังพิจารณาวางแผนกระบวนการ ขั้นตอน เตรียมการกระจายวัคซีนไปให้ทั่วถึง ทุกพื้นที่ของประเทศ ให้ได้รวดเร็ว ทันที ที่เราได้รับวัคซีน
          ในตอนท้ายนายกฯยังกำชับว่า แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เรากำลังจะเข้าสู่เทศกาลต่างๆ ขอให้คนไทยทุกคนร่วมมือร่วมใจ เสียสละความสะดวกสบายส่วนตัว ในการยับยั้ง ป้องกันการระบาดของโควิด-19 มาตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ได้ช่วยกัน อีกครั้ง ไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิต และบรรเทาไม่ให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจจนหนักหนาสาหัสในประเทศไทย เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นแล้วหลายประเทศทั่วโลก
          "ผมขอให้ทุกคนยังรักษาวินัย ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างทางสังคม ขอให้ทุกคนช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในประเทศไทย เพื่อ ไม่สร้างความทุกข์ยากให้ประเทศ รุนแรงกว่าที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน" นายกฯกล่าว
          สำหรับสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกนั้น พบผู้ติดเชื้อใน 213 ประเทศ ในรอบ 24 ชั่วโมง มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 609,204 ราย ทำให้มีจำนวน ผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 60,813,906 ราย เสียชีวิตสะสม 1,428,819 ราย รักษาหายแล้ว 42,118,568 ราย อันดับประเทศที่มี ผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกาติดเชื้อ สะสม 13,139,882 ราย เสียชีวิตสะสม 268,262 ราย อินเดียติดเชื้อสะสม 9,266,705 ราย เสียชีวิตสะสม 135,261 ราย บราซิลติดเชื้อสะสม 6,166,898 ราย เสียชีวิตสะสม 170,799 ราย รัสเซียติดเชื้อสะสม 2,187,990 ราย เสียชีวิต 38,062 ราย และฝรั่งเศสติดเชื้อสะสม 2,170,097 ราย เสียชีวิตสะสม 50,618 ราย ประเทศไทยอยู่อันดับ 151 ของโลก

 pageview  1210907    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved