กรมอนามัยห่วงภาวะโภชนาการเกิน ทำให้เกิดโรคอ้วน-เบาหวานในกลุ่ม เด็กวัยเรียน แนะพ่อแม่ลดพฤติกรรมกินอาหารน้ำตาลสูง โดยเฉพาะน้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมหวาน เพื่อลดติดหวาน โดยควบคุมการกินน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชา/วัน เน้นกินผักผลไม้ และออกกำลังกาย ลดความเสี่ยงป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
          เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปัญหาสุขภาพทั้งภาวะโภชนาการเกิน โรคอ้วนและเบาหวานในกลุ่มเด็กนั้น สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคอาหารมีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน ชาเย็น เบเกอรี่ และขนมหวาน ซึ่งพฤติกรรม การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงนี้ เริ่มพบมากตั้งแต่ช่วงวัยเรียน ข้อมูลจากการสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ของเด็กวัยเรียน โดยกรมอนามัย ปี 2562 เด็กวัยเรียน ดื่มน้ำอัดลม 1-3 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 55.4 ดื่มน้ำผลไม้ น้ำหวาน นมปรุงแต่งรส 1-3 วัน/สัปดาห์ ร้อยละ 50.9
          นพ.สุวรรณชัยกล่าวต่อว่า ดังนั้น การปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพที่ดีตั้งแต่เด็ก เลี่ยงกินหวาน ป้องกันการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จึงเป็นกระบวนการสำคัญ เพราะอาหารจำพวกน้ำตาลเมื่อกินเข้าไปจะแปรเปลี่ยน เป็นพลังงานให้ร่างกายนำไปใช้ แต่หากได้รับ มากเกินไปจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมใน ร่างกาย เป็นสาเหตุเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน หัวใจ และหลอดเลือด และอ้วน ตามมาในระยะยาว
          นพ.สุวรรณชัยกล่าวด้วยว่า ช่วงปิดเทอม เด็กมีอิสระในการเลือกกินอาหารมากขึ้น พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรดูแลลูกหลานให้กินขนมหวาน น้ำหวาน หรือน้ำอัดลมให้น้อยลง สร้างความเคยชินในการรับรสและไม่ติดรสหวาน พยายามควบคุมการกินน้ำตาลแต่ละวันให้ไม่เกิน 4 ช้อนชา ควรให้เด็กกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นกินผักและ ผลไม้ เลี่ยงขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม และผลไม้ ที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนุน ทุเรียน ลำไย ลองกอง หากเด็กอยากดื่มน้ำหวานให้เลือกดื่มน้ำผลไม้สด ไม่เติมน้ำตาลแทน เลือกกินผลไม้รสไม่หวานจัดเป็นอาหารว่างแทนขนมหวาน และผู้ปกครอง ควรชวนลูกหลานออกกำลังกายวันละ 60 นาทีทุกวัน ส่งเสริม ให้เด็กไทยเท่หุ่นดี สูงดีสมส่วน สุขภาพแข็งแรง