Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 01/12/2563 ]
เชียงรายระส่ำ2สาวติดโควิดหนีเข้าไทย

เป็นเพื่อนหญิงเชียงใหม่พบติดเชื้อเพิ่มอีก21รายบิ๊กตู่ย้ำทหารเข้มชายแดน
          ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ 21 ราย มาจากต่างประเทศและเส้นทางธรรมชาติจากเมียนมา 2 ราย ด้านผู้ว่าฯเชียงราย แถลงยืนยันพบ 2 สาวไทยติดเชื้อ ประวัติเคยทำงานในท่าขี้เหล็ก เมียนมา ก่อนหนีกลับไทย เร่งสอบสวนโรคกักตัวผู้สัมผัส พร้อมสั่งเพิ่ม 7 ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนชายแดน ตั้งด่าน ตรวจคุมเข้ม รวบได้อีก 3 สาว 1 หนุ่มหนีตายโควิดกลับไทย นายกฯชี้อย่าแตกตื่นคนป่วยเพิ่ม วอนช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะกำลังพลในตจว.น้อยลง กำชับกองทัพคุมเข้มชายแดน ป้องกันต่างด้าวหนีเข้าไทย
          เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ประจำวันว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ เพิ่ม 21 คน เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ทุกรายเข้า สถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine)
          ไทยพบป่วยรายใหม่พุ่ง21คน
          ประกอบด้วย อินเดีย 1 คน อิตาลี 1 คน เยอรมนี 2 คน สวิตเซอร์แลนด์ 3 คน ญี่ปุ่น 4 คน ฝรั่งเศส 1 คน สหราชอาณาจักร 1 คน รัสเซีย 2 คน เดนมาร์ก 1 คน โอมาน 1 คนเนเธอร์แลนด์ 1 คน และ สหรัฐอเมริกา 1 คน และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าไทยตามเส้นทางธรรมชาติจากเมียนมา เป็นหญิงไทย 2 คน รวมผู้ป่วย ยืนยันสะสม 3,998 คน เป็นผู้ป่วยติดเชื้อ ในประเทศ 2,454 คน เดินทางจากต่างประเทศ 1,544 คน และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 1,034 ราย  ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 3 ราย รวมเป็น 3,803 ราย ยังมีผู้รักษาตัวในโรงพยาบาล 135 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 60 ราย
          เชียงรายเจอ2สาวติดโควิดเข้า-ออกเมียนมา
          อีกด้านหนึ่งที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย ร่วมกับ นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย แถลงผลตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน จ.เชียงราย ว่า ขณะนี้ พบมีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มเป็นผู้หญิง 2 คน อายุ 26 ปี ชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และ อายุ 23 ปีชาว จ.พะเยา ทั้งสองมีประวัติไปทำงานที่สถานบันเทิงเดียวกันในจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ด้วยการลอบข้ามฝั่งไปและลอบกลับข้ามมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย ต่อมา ทราบข่าวมีเพื่อนผู้หญิงอายุ 29 ปี ที่จ.เชียงใหม่ ติดเชื้อ ทำให้หญิงสาวอายุ 26 ปีกลัว จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนในอ.เมืองเชียงรายและพบเชื้อ จึงถูกส่งไปโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตามไปตรวจสอบผู้หญิงอายุ 23 ปีที่ยังพักอยู่ที่โรงแรมไม่ออกไปไหน เมื่อตรวจหาเชื้อพบติดโควิดเช่นกันจึงนำมารักษาที่รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ก่อนติดตามขยายผลไปยังกลุ่มคนใกล้ชิดสัมผัส
          ตรวจหาเชื้อ30คนสัมผัส-4คนเสี่ยงสูง
          ทั้งนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาก็จับกุมคนลักลอบเดินข้ามลำน้ำสายมาได้อีก 3 คน จึงนำตัวเข้าสู่กระบวนการกักตัวแล้ว รวมทั้งประสานคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น (ทีบีซี) เพื่อขอให้หาตัวคนไทย ที่ตกค้าง เพราะเป็นการลักลอบข้ามไป เพื่อให้ทั้งหมดกลับไทยในช่องทางปกติ เพื่อกักดูอาการและตรวจหาเชื้อตามแนวทางการป้องกันการระบาด ไม่ใช่การดำเนินคดี
          ด้านนพ.ทศเทพกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วย ทั้ง 2 รายข้ามไปทำงานฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่เดือนตุลาคมและลอบข้ามมาฝั่งไทยพร้อมกันระหว่างวันที่ 26-27 พฤศจิกายน มีประวัติต่างจากหญิงวัย 29 ปี ที่ติดเชื้อและไปตรวจพบที่จ.เชียงใหม่ เมื่อทั้งสองรายลอบกลับเข้าไทย ก็พักอยู่แต่ที่โรงแรมไม่ออกไปไหน เมื่อทราบข่าวเพื่อนสาวที่ทำงานด้วยกันฝั่งประเทศเพื่อนบ้านป่วย เพราะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วันที่ 28 พฤศจิกายนจึงไปตรวจที่โรงพยาบาล เมื่อพบเชื้อก็ถูกส่งไปโรงพยาบาลเชียงรายนุเคราะห์ ขณะนี้การสอบสวนผู้สัมผัสที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงและต่ำมีประมาณ 26-30 คน เช่น พนักงานโรงแรม จักรยานยนต์รับจ้าง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน แบ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ 25-26 คน และเสียงสูง 4 คน ซึ่งเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อแล้ว ทั้งคู่ให้การยืนยันว่า ไม่ได้ออกนอกเส้นทางที่แจ้ง
          รวบ4คนไทยหนีตายโควิดจากเมียนมา
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย ควบคุมตัว น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ชาวจ.นครราชสีมา น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี ชาวสกลนคร น.ส.ซี (นามสมมุติ) ชาวจ.นครราชสีมา และนายดี (นามสมมุติ)  อายุ 28 ปี ชาวจ.นครศรีธรรมราช หลังสืบทราบคนกลุ่มนี้เคยไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน และเดินทางเข้าออกตามช่องทางธรรมชาติในที่โควิด-19 ระบาด และโพสต์เฟซบุ๊กขณะลักลอบข้ามกลับมาฝั่งไทยและเช็กอินตามที่ต่างๆ ในอ.แม่สายหลายจุด โดยจับกุมน.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี และน.ส.บี อายุ 28 (นามสมมุติ) ที่ด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง อ.แม่จัน จ.เชียงราย และจับน.ส.ซี (นามสมมุติ) และนายดี (นามสมมุติ)ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.แม่สาย จึงนำตัวไปสอบสวนโรค ผลตรวจเบื้องต้น ไม่มีไข้ ทั้ง 4 ให้การว่า สองเดือนก่อนไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะในจ.เมียวดีของเมียนมา ตรงข้ามอ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อโควิดในเมียนมาระบาดหนัก จึงกลับไทยโดยลอบเข้าตามเส้นทางธรรมชาติ เสียเงินค่าจ้างพาข้ามแดนให้คนนำทางชาวเมียนมาคนละ 5,500 บาท ข้ามมาแล้วได้เดินทางมาเที่ยวหาเพื่อนที่อ.แม่สาย 3 วันก่อนแยกย้ายกัน ขณะนี้ทั้ง 4 คน ถูกกักตัวที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงราย
          ตรวจผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้นยังไม่พบเชื้อ
          ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคกล่าวว่า กรณีหญิงสาวอายุ 29 ปี จ.เชียงใหม่ที่ติดไวรัสโควิด-19 พบกลุ่มเสี่ยง 328 คน แบ่งเป็นเสี่ยงสูง 107 คน และจำนวนนี้ตรวจหาเชื้อไปจำนวน 65 คน อยู่ในคอนโดมิเนียมของผู้ป่วย และคอนโดมิเนียมของเพื่อน สถานบันเทิง และห้างสรรพสินค้า ผลตรวจเป็นลบ ส่วนกลุ่มแกร็บผลตรวจ 3 ใน 5 คน ไม่พบเชื้อ ส่วนผู้เสี่ยงต่ำ 149 คน ในชุมนุม 110 คน และบุคคลากรทางการแพทย์ 9 คน และได้รับการตรวจหาเชื้อแล้ว และบางส่วน รอผลตรวจ ขณะนี้ยังไม่พบผู้เกี่ยวข้องตรวจพบเชื้อ ส่วนผู้ลงทะเบียนแอปพลิเคชันไทยชนะที่ห้างสรรพสินค้าเซนทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ 33 คน ในช่วง 3 ชั่วโมง ทางสาธารณสุขเชียงใหม่ โทรติดตามให้ทั้ง 33 คน เฝ้าระวังตัวเองและแนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัย
          ปัดโยงเคสจับ4คนไทยลอบเข้าเมือง
          ส่วนที่มีข่าวในโซเชียลระบุ มีหญิงไทย 4 คน ถูกจับหลังลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ชายแดนไทย-เมียนมาเป็นคนละเหตุการณ์ ไม่มีความเชื่อมโยงกันกับกรณีที่เชียงใหม่ และเชียงราย แม้ว่าจะเดินทางลักลอบจากฝั่งเมียนมา แต่ 2 กรณีไม่เกี่ยวกัน แต่เป็นเหตุบังเอิญ และทั้งหมดก็ต้องตรวจหาเชื้อ COVID-19 อย่างไรก็ตาม ใน 2 เดือนพบผู้ลักลอบด่านเมียนมาติดเชื้อแล้ว 6 คน และจะลักลอบเรื่อยๆ
          นำรถโมบายฯตรวจหาเชื้อพนง.ห้าง
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นำรถโมบายเคลื่อนที่พระราชทาน 2 คัน และรถโมบายเคลื่อนที่ของคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีก 1 คัน พร้อม เจ้าหน้าที่ออกหน่วยเคลื่อนที่ตรวจคัดกรองไวรัสโควิค-19 ให้เจ้าหน้าที่และพนักงานร้านอาหารและร้านค้าในห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่กลุ่มเสี่ยงต่ำ เข้าตรวจหาเชื้อ ซึ่งมีประมาณ 200 คน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและลูกค้าของห้าง ที่ผ่านมากลุ่มพนักงานและผู้ประกอบการเสี่ยงสูง ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ตามมาตรการสอบสวนโรคของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ก็ไม่มีผู้ใดติดเชื้อ
          2รร.ดังเชียงใหม่ปิดเรียนพ่นยาฆ่าเชื้อ
          ขณะที่หลายหน่วยงานใช้มาตรการป้องกันการระบาดเข้มข้น หลังพบหญิงสาววัย 29 ปีติดเชื้อโควิดทำให้สถานศึกษาใน อ.เมืองเชียงใหม่ปิดการเรียนการสอนชั่วคราว 2 แห่งคือ โรงเรียนพระหฤทัยเชียงใหม่ และโรงเรียนวชิรวิทย์เชียงใหม่ เพื่อทำความสะอาดพื้นที่ อุปกรณ์การเรียนการสอน โต๊ะเก้าอี้ ป้องกันการระบาดในโรงเรียน มีกำหนดเปิดเรียนอีกครั้งวันที่ 2 ธันวาคม
          อย่าตื่นพบคนติดเชื้อในปท.เพิ่ม
          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีพบผู้ติดเชื้อในประเทศว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อในประเทศทุกวัน แต่ไม่อยากให้ตื่นตระหนก เพราะยังเป็นเรื่องควบคุมได้ ที่สำคัญคนในพื้นที่เสี่ยงหรือใกล้กลุ่มเสี่ยงและลักลอบเข้าประเทศ ฝากสังคมชุมชนช่วยดูแล พบใครไปใครมาให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ตอนนี้ต้องยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องไวรัสโควิด-19 ในต่างจังหวัด ลดลง เพราะต้องนำกำลังมาดูแลการชุมนุมใน กทม. ทำให้เจ้าหน้าที่ต่างจังหวัดต้องทำงานหนัก
          นายกฯสั่งทหารสกัดต่างด้าวหนีเข้าไทย
          พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงหลังประชุมสภากลาโหมว่า นายกฯกำชับหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพคุมเข้มการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายให้เข้มข้นเช่นเคย โดยในเมียนมายังคุมการระบาดไม่ได้ เพิ่มความถี่ลาดตระเวนสกัดกั้นตามช่องทางธรรมชาติ พื้นที่ชั้นในให้ประสานฝ่ายปกครอง แรงงานจังหวัดและตรวจคนเข้าเมืองคุมเข้มการผ่านแดนและมาตรการสาธารณสุขอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปเกี่ยวข้องขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเด็ดขาด
          ทั่วโลกโควิดพุ่ง63ล้านราย
          ขณะที่สถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 63,126,674 ราย รักษาหายแล้ว 43,587,601 ราย เสียชีวิต 1,466,049 ราย โดยสหรัฐ อันดับ 1 มีผู้ติดเชื้อ สะสม 13,750,608 ราย เสียชีวิตสะสม 273,077 ราย อันดับ 2 อินเดีย ติดเชื้อสะสม 9,432,075 ราย เสียชีวิตสะสม 137,177 ราย อันดับ 3 บราซิล ติดเชื้อสะสม 6,314,740 ราย เสียชีวิตสะสม 172,848 ราย  อันดับ 4 รัสเซีย ติดเชื้อสะสม 2,295,654 ราย เสียชีวิต สะสม 39,895 ราย อันดับ 5 ฝรั่งเศส ติดเชื้อสะสม 2,218,483 ราย เสียชีวิตสะสม 52,325 ราย

 pageview  1210908    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved