Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 05/06/2555 ]
'กรดไหลย้อน' ภัยเงียบคุกคามชีวิตโดยไม่รู้ตัว

ด้วยรูปแบบการดำเนินชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ของคนเรา ต้องทำกิจกรรมต่างๆ แข่งกับเวลามากขึ้น แถมยังมีพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่ถูกต้อง ความ เครียดที่รุมเร้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือชีวิตประจำวัน ทำให้ใครหลายๆ คนไม่รู้ว่าตนเองมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรค Gastro-Esophageal Reflux Disease (GERD) หรือที่รู้จักในชื่อภาษาไทยว่า "โรคกรดไหลย้อน" ถึงแม้จะไม่ใช่โรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้คุณภาพชีวิตของเราลดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
          นายแพทย์วิชัย วิริยะอุตสาหกุล แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคทางเดินอาหาร โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ให้ความรู้ว่า "โรคกรดไหลย้อน" (Gastro-Esophageal Reflux Disease; GERD) คือภาวะที่มีกรดและ น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจรวมไปถึงเอนไซม์เปบซิน และน้ำดี ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร ซึ่งหลอดอาหารเป็นอวัยวะที่ไม่ทนต่อกรด จึงทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร โดยปกติหลอดอาหารจะมีการบีบตัวไล่อาหารลงสู่ด้านล่าง และหูรูดจะทำหน้าที่ป้องกันการไหลย้อนของน้ำย่อย กรด หรืออาหาร ไม่ให้ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร แต่ในบางคนนั้น หูรูดส่วนนี้ทำงานได้น้อยลง จึงทำให้มีกรดหรือน้ำย่อย ไหลย้อนขึ้นมาทำให้ผนังหลอดอาหารอักเสบ
          "การไหลย้อนของกรด ถ้ามีมาก อาจไหลออกนอกหลอดอาหาร อาจทำให้มีผลต่อกล่องเสียง ลำคอ หรือปอดได้ ถึงแม้โรคกรดไหลย้อนจะไม่ใช่ โรคก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่หากละเลยไม่ ทำการรักษา อาจทำให้เรื้อรัง มีความเสี่ยงให้กลายเป็น มะเร็งหลอดอาหารได้"
          สำหรับปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคนี้ นายแพทย์วิชัย เผยว่า ตัวการสำคัญ คือ Hiatus hernia ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากกระเพาะอาหารส่วนต้นเข้าไป ในกระบังลม การดื่มสุรา ความอ้วน คุณแม่ตั้งครรภ์ สูบบุหรี่ กินอาหารมื้อหนักตอนดึกๆ ชอบทานอาหาร รสเปรี้ยว เผ็ด อาหารมัน ของทอด รวมถึงยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือแม้แต่ช็อกโกแลตของโปรดของใครต่อใคร ก็เป็นตัวการที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อนได้
          "หากคุณกำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือไม่ สามารถสังเกตอาการและสัญญาณเตือน เช่น มีอาการปวดแสบร้อนบริเวณกลางอก และหรือบริเวณลิ้นปี่ รู้สึกมีก้อนอยู่ในคอ กลืนลำบาก หรือกลืนแล้วเจ็บ เจ็บคอหรือแสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะในตอนเช้า มีอาการไอแห้ง รู้สึกเหมือนมี รสขมของน้ำดี หรือมีรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือปาก มีเสมหะอยู่ในคอ หรือระคายคอตลอดเวลา เรอบ่อย คลื่นไส้ และรู้สึกจุกแน่นอยู่ในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะรุนแรงขึ้นหรือเกิดได้บ่อยขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเครียดในการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน"
          จากการศึกษาในประเทศอเมริกา พบว่า 60% ของผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนมีอาการปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งในระยะนี้ผู้ป่วยจะมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลง โดย 75% นอนหลับยาก 51% รบกวนการทำงาน และอีก 40% ออกกำลังกายไม่ได้
          "อย่างที่กล่าวไปแล้วแม้โรคกรดไหลย้อนจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากคุณละเลยไม่ดูแลรักษา ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิด มะเร็งหลอดอาหารได้ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ควบคุมจัดการความเครียด พฤติกรรมการรับประทานอาหาร จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรจะทำเป็นสิ่งแรก หากจำเป็นต้อง รับประทานยาควรเลือกทานยาที่สามารถป้องกันการ ไหลย้อนของกรด น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาอาการ และทางที่ดีที่สุดหากมีอาการอย่างที่บอกไปแล้วมากขึ้นหรือบ่อยๆ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม เพื่อการรักษาที่รวดเร็วต่อไป" นายแพทย์ วิชัย กล่าวในที่สุด
 

 pageview  1210929    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved