|
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 03/12/2555 ] |
|
|
|
|
ห่วงชายรักชายติดเอดส์เพิ่มเสี่ยงโรค 'มะเร็งทวารหนัก' |
|
|
|
|
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก (World AIDS Day) ซึ่งปีนี้กำหนดประเด็นรณรงค์ว่า เอดส์ลดให้เหลือศูนย์ได้ (Getting to Zero) มุ่งสู่เป้าหมายที่เป็นศูนย์ 3 ประการร่วมกันภายในปี 2559 คือ ไม่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ไม่มีการเสียชีวิตจากเอดส์ และไม่มีการเลือกปฏิบัติกับผู้ป่วยผู้ติดเชื้อเอดส์
ทั้งนี้ คาดการณ์ ในปี 2555 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์สะสมรวม 1,157,589 คน เสียชีวิต 695,905 คน ยังมีชีวิตอยู่ 464,414 คน และมีผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยเอดส์รายใหม่ 9,473 คน กว่าร้อยละ 80 ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ ร้อยละ 62 อยู่ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย พนักงานขายบริการทางเพศ และผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ที่ น่าห่วง คือ กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ซึ่งคาดประมาณว่ามีประมาณ 600,000 คน จากชายไทยทั้งหมด 32 ล้านกว่าคน เนื่องจากพบว่าในช่วง 24 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ.2530-2554 มีแนวโน้มการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และคาดการณ์ในอีก 12 ปีข้างหน้า คือ พ.ศ.2567 กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย จะมีอัตราการติดเชื้อเอชไอวี สูงกว่ากลุ่มเสี่ยงอื่นๆ เช่น กลุ่มหญิงบริการ กลุ่มฉีดสารเสพติดทางเส้นเลือด
นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มชายที่มี เพศสัมพันธ์กับชายมีแนวโน้มป่วยเป็นมะเร็งทวารหนักสูงขึ้น จากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักและติดเชื้อไวรัสเอชไอวีที่อยู่ที่อวัยวะเพศชาย เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณทวารหนัก มีลักษณะคล้ายกับบริเวณปากมดลูก จึงมีความเสี่ยง ที่จะเกิดมะเร็งที่ทวารหนักเช่นเดียวกับที่เกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง โดยการศึกษาในต่างประเทศพบว่า ผู้ป่วยเอชไอวีมีอัตราเสี่ยงเป็นมะเร็งทวารหนักสูงกว่ามะเร็งปากมดลูก และโอกาสเกิดมะเร็งทวารหนักจะเพิ่มจาก 0.8 ต่อแสนประชากร เป็น 35 ต่อแสน ประชากรในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย หากติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วยโอกาสเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น เป็น 2 เท่าตัว และหากผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีจำนวน เซลล์ภูมิคุ้มกัน (CD4 T-cell) ลดลง จะมีแนวโน้ม เกิดความผิดปกติที่เซลล์ทวารหนักสูงขึ้น |
| | |
|
|