Follow us      
  
  

สยามรัฐ [ วันที่ 15/01/2564 ]
พฤติกรรมวัยรุ่นกับสารเสพติด ชี้บุหรี่อาจเป็นต้นทางสู่การเสพยา

 หมายเหตุ...ดร.สาธิต ปิตุเตชะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพคนที่ 1 เป็นประธานในการแถลงข่าวและเสวนาออนไลน์เรื่องพฤติกรรมวัยรุ่นกับสารเสพติด หัวข้อ "บุหรี่ต้นทางสู่ยาเสพติดกับกรณีเคนมผง" โดยเป็นการแถลงข่าวออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.)และเฟซบุ๊กสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
          จากกรณีที่พบผู้เสียชีวิต 9 รายจากการรวมกลุ่มเสพเคนมผง ซึ่งมีเด็กและเยาวชนรวมอยู่ด้วยนั้น สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนทั่วประเทศโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีการเฝ้าระวังการรวมกลุ่มหรือจัดกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้บุคลากรสาธารณสุข ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นในการรักษาโรคจากการเสพยาเสพติดของเด็กและเยาวชน จากข้อมูลการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดของสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟู ผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 พบผู้ป่วยทั้งหมด 3,803 คนเป็นเพศชาย 3,256 คน และเพศหญิง547 คน กลุ่มผู้ป่วยที่มากที่สุดอยู่ในช่วงวัยรุ่นอายุระหว่าง 20-24 ปี 726 คนรองลงมาได้แก่ช่วงอายุระหว่าง 25-29 ปี  692 คน
          "เด็กและเยาวชนเป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากลอง แต่จะทำอย่างไรให้การอยากรู้ อยากลองเป็นอยู่ในขอบเขตของความถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ส่วนราชการมีนโยบายการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง มีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายและการให้ความรู้ผ่านสถานศึกษาหรือกิจกรรมต่างๆ สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบดูแลบุตรหลาน ซึ่งอาจเริ่มต้นได้จากการสร้างความตระหนักรู้จากการไม่สูบบุหรี่ เพราะบุหรี่อาจเป็นต้นทางสู่ยาเสพติดชนิดอื่นๆของวัยรุ่นไทยเห็นได้จากรายงานการสำรวจของศูนย์วิจัยเอแบคโพลล์ ปี 2547 พบว่า นักเรียนที่สูบบุหรี่ กว่า 100 คนจะมีพฤติกรรมเสี่ยงใช้ยาเสพติดสูงถึง 10 คน" ดร.สาธิต กล่าว
          ด้าน รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ในฐานะกุมารแพทย์เด็กและวัยรุ่น กล่าวถึงความเชื่อมโยงระหว่างบุหรี่กับยาเสพติดประเภทอื่นๆ ว่า ในทางการแพทย์สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่าเด็กหรือเยาวชนคนใดที่มีพฤติกรรมเสพติดบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าและรับนิโคตินเข้าไปเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อสมองให้เปิดรับยาเสพติดอื่นๆ ผ่านการกระตุ้นจากฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxy tocin) หรือฮอร์โมนที่สร้างความสัมพันธ์การยอมรับจากหมู่เพื่อนของวัยรุ่นผ่านคำพูดต่าง ๆ เช่น เพื่อนทำได้ ของแบบนี้ต้องลอง เจ๋ง สุดยอดเลยเพื่อน
          "นิโคตินในบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าจะวิ่งเข้าสู่สมองภายในไม่เกิน 10 วินาทีและเข้าไปบ่มเพาะสมองของเด็กและเยาวชนให้ไวต่อสารเสพติดต่างๆ รวมถึงการกระตุ้นสมองส่วนอารมณ์ให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆตามมาอีกมากมายทั้งนี้ จึงอยากเตือนไปยังเยาวชนทุกคนให้นึกถึงสุขภาพของตนเองเป็นหลักเพราะหากสมองเราถูกทำลายไปแล้วจากสิ่งเสพติด อาจทำให้การคิดวิเคราะห์การควบคุมอารมณ์ การอยู่ร่วมกันทางสังคม ของเราสูญเสียไปโดยสิ้นเชิง"รศ.นพ.สุริยเดว กล่าว
          นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนาผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี(สบยช.) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ส่วนประกอบของยาเคนมผงที่มีการนำมาใช้เป็นยาเสพติดพบว่ามีความอันตรายถึงชีวิต ส่วนผสมของยาเคนมผง มียาเคหรือเคตามีน(Ketamine) เป็นส่วนประกอบหลักร่วมกับยาไอซ์ เฮโรอีนและยานอนหลับที่เรียกว่าโรเซ่ นำมาผสมและบดรวมกันจนละเอียดจะมีลักษณะคล้ายนมผง จึงเป็นที่มาของการเรียกว่ายาเคนมผงขณะที่ผู้ที่นำเคตามีนไปใช้เสพติด จะมีผลข้างเคียงที่อันตรายได้ เช่น อาการกดระบบประสาทรุนแรง คล้ายคนเมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมทั้งภาพแสงหรือเสียงเปลี่ยนแปลงไป ระบบการทำงานของหัวใจและการหายใจผิดปกติรวมไปถึงส่งผลต่อ อาการทางจิต เช่นฝันร้าย เพ้อคลั่ง ประสาทหลอน จนนำไปสู่คนวิกลจริตได้

          "นิโคตินในบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าจะวิ่งเข้าสู่สมองภายในไม่เกิน 10 วินาที และเข้าไปบ่มเพาะสมองของเด็กและเยาวชนให้ไวต่อสารเสพติดต่างๆ รวมถึงการกระตุ้นสมองส่วนอารมณ์ให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆตามมาอีกมากมาย"

 pageview  1210899    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved