Follow us      
  
  

กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 24/09/2563 ]
ทุจริต บัตรทอง กระทบ2ล้านคน จ่อสอบย้อน10ปี-ตั้ง2ทีมหาทางแก้

 กรุงเทพธุรกิจ สปสช.พบคลินิกใน กทม.ทุจริตบัตรทองเพิ่มอีก 106 แห่ง กระทบ ผู้ใช้สิทธิอีก 9 แสนคน รวม 2 ล้านคน เผยผลตรวจ 3 ล็อต 188 แห่งสูญงบฯ 195 ล้านบาท เร่งเอาผิดอาญา-เรียกเงินคืน เร่งจัดปชช.เข้าสู่หน่วยบริการใหม่ เตรียมขยายผลสอบย้อนหลังอีก 10 ปี  17 รายการ ตั้งคณะทำงาน 2 ชุดหามาตรการป้องกันปัญหาในอนาคต
          วานนี้(22 ก.ย.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)  ได้มีการแถลงข่าว "สปสช.แจงยกเลิกสัญญา 64 คลินิกรพ.เอกชนด้วยเหตุทุจริต" โดยนายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ดสปสช.) ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง  กรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขเกินจริง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบการเบิกจ่ายของหน่วยบริการที่เป็น คู่สัญญากับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ทั้งที่เป็นคลินิกชุมชนอบอุ่น และโรงพยาบาลพื้นที่กรุงเทพมหานคร
          เบื้องต้นพบว่า ได้มีการนำสิทธิประชาชนมาแอบอ้างเพิกค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง โดยประชาชนไม่ได้เข้าใช้บริการจริง ซึ่งเป็น การจงใจสร้างหลักฐานเท็จขึ้นเพื่อเบิกเงินจาก สปสช. ถือเป็นการทุจริต เป็นความผิดอาญา ได้แจ้งให้ สปสช.แจ้งความร้องทุกข์ กับกองปราบปราม ในล็อตที่ 3 เพิ่มอีก 106 แห่ง
          หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีการตรวจสอบพบการทุจริตและแจ้งความแล้ว 2 ล็อต โดยล็อตที่ 1 จำนวน 18 แห่ง และล็อตที่ 2 จำนวน 64 แห่ง รวมขณะนี้ 3 ล็อต ตรวจสอบ พบทุจริตแล้ว 188 แห่ง
          นอกจากนี้ สปสช.จะดำเนินการเรียกค่าเสียหายคืนทั้งหมด หากไม่คืนก็จะมีการฟ้องเรียกค่าเสียหาย และ สปสช.จำเป็นต้องยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการที่พบการทุจริตทั้ง 188 แห่ง เนื่องจากในสัญญาระหว่าง สปสช.กับหน่วยบริการ มีการเขียนข้อสัญญาไว้ชัดเจนว่า ถ้ามีการเบิกเท็จหรือไม่ถูกต้อง ทางสปสช.มีอำนาจเลิกสัญญา ฉะนั้น สปสช.ต้องปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้  หากไม่ดำเนินการก็จะเข้าข่ายละเว้นไม่ปฏิบัติ ตามสัญญา
          นายจิรวุสฐ์  ระบุด้วยว่า การตรวจสอบที่พบการทุจริตในขณะนี้ เป็นการดำเนินการตรวจสอบโครงการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเพียง 1 รายการ คือ รายการของกลุ่มโรคเมตาบอลิก จากที่มีทั้งหมด 18 รายการ และเป็นการตรวจสอบเฉพาะการเบิกจ่าย ในปีงบประมาณ 2562 ส่วนอีก 17 รายการนั้นจะมีการทยอยตรวจสอบ หลังจากที่มี การตรวจสอบรายการที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว
          อีกทั้งจะเสนอบอร์ด สปสช. ขยายการสอบการเบิกจ่ายในโครงการนี้ ย้อนหลังไปถึงปี งบประมาณที่เริ่มต้นโครงการด้วย ซึ่งจะทำให้บอกได้ว่ามีการทุจริตเบิกจ่ายโครงการนี้ไปเท่าไหร่
          ตั้ง 2 ทีมหามาตรการป้องกัน
          นายจิรวุสฐ์ กล่าวอีกว่า อนุกรรมการฯ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด เพื่อให้ข้อเสนอแนะกับสปสช.ในการป้องกันปัญหาในอนาคต ประกอบด้วย 1.คณะทำงานดูความเสี่ยงทั้งหมดของระบบเบิกจ่ายเงิน แล้วสรุปผลให้ สปสช.ปรับปรุงแก้ไข และ 2.คณะทำงานดูระบบบริการทั้งหมด รวมถึงการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการต่างๆ และการเลือกคลินิกที่มีความมั่นใจ
          ด้านนพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า ในส่วนการตรวจสอบพบทุจริตในล็อตที่ 3 จำนวน 106 แห่ง มีประชาชนที่จะได้รับผลกระทบอีกราว 9 แสน ถึง 1 ล้านคนอยู่ระหว่างการประสานและดำเนินการเพื่อหาหน่วยบริการรองรับ ส่วนมูลค่าความเสียหายรวมทั้ง 3 ล็อตเป็นเงิน 195 ล้านบาท โดยทั้ง 188 แห่ง สปสช.ได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญาที่กองปราบปรามฯ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ
          ขยายผลตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปี
          โดยแยกรายละเอียดเป็นรายหน่วยบริการ ฟ้องร้องคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายคืน ยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการ แจ้งสภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง และแจ้งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)กระทรวงสาธารณสุข เข้าตรวจสอบตามกฎหมายสถานพยาบาล รวมทั้ง จะมีการขยายผลตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปีตั้งแต่ปี 2555-2561 ในช่วงที่มีการดำเนินโครงการนี้ด้วย
          สำหรับการดูแลผู้อยู่ในสิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบจากการตรวจพบการทุจริตในล็อตที่ 1 ยกเลิกสัญญา 18 แห่ง กระทบราว 2 แสนคนนั้นได้ดำเนินการจัดหาให้เข้าสู่หน่วยบริการแล้ว
          ส่วนล็อตที่ 2 ยกเลิกสัญญา 64 แห่ง กระทบราว 8 แสนคนนั้น แบ่งดำเนินการเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.โรคที่ต้องอาศัยโรงพยาบาลในการดูแล เช่น ผ่าตัด คลอดบุตร ล้างไต ซึ่งมีโรงพยาบาลถูกยกเลิกสัญญา 6 แห่ง สปสช.ได้ประสานไปยังผู้ป่วย เพื่อแจ้งสถานพยาบาลที่จะได้รับบริการให้ทราบแล้ว และโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 090-197-5271 หากยังมีข้อสงสัย
          2.กลุ่มโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ต้องได้รับการดูแลสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ สปสช.ได้ประสานสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ในการดูแลผู้ป่วยในระยะสั้นก่อนแล้ว โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานครทั้ง 69 แห่ง ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น ซึ่งสปสช.ได้ส่งข้อมูลประวัติผู้ป่วยให้ศูนย์ในพื้นที่แล้ว
          และ 3. โรคทั่วไป อาการเจ็บป่วยที่ไม่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง เข้ารับบริการผู้ป่วยนอก ขณะนี้จะถือว่าเป็นสิทธิว่าง ได้รับวีซ่าพิเศษ หากเจ็บป่วยสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการบัตรทองได้ทั้งของรัฐและเอกชนที่ใดก็ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะหน่วยบริการจะเบิกมายัง สปสช.เอง ทั้งนี้ได้ส่งหนังสือถึงหน่วยบริการต่างๆ ทราบแล้ว
          ยกเลิกสัญญาเฉพาะในกทม.
          ขอย้ำว่าการดำเนินการตรวจสอบพบทุจริต และยกเลิกสัญญาเฉพาะในพื้นที่กทม.เท่านั้น อีก 76 จังหวัด ยังมีสิทธิบัตรทองครบเหมือนเดิมและจะมีการพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้น และกรณีผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ใน กทม.หากได้รับการจัดหน่วยบริการใหม่ให้แล้ว พบว่าไม่เหมาะสม สามารถเปลี่ยนเป็นหน่วยบริการที่ใกล้ได้ และขณะนี้สปสช.อยู่ระหว่างการเปิดรับหน่วยบริการรองรับในพื้นที่ กทม.เพิ่มเติม
          เร่งจัดหาหน่วยรองรับผู้ป่วยต่อเนื่อง
          นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบ ในล็อตที่ 2 ที่มีการยกเลิกสัญญา 64 คลินิก ราว 8 แสนคนนั้น 70% ไม่ได้เจ็บป่วย ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องดำเนินการใดๆ ส่วนอีก 30% ต้องมีมาตรการ รองรับ เพื่อเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง จะเร่งจัดหาหน่วยบริการรองรับในพื้นที่กทม.
          ขณะนี้ได้มีการดูแลให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้รับการรักษาต่อเนื่องแล้ว แยกเป็น 1.ผู้ป่วยเอดส์ที่ต้องรับยาต่อเนื่อง 2,166 คน ได้ประสานให้เข้ารับบริการได้ที่สำนักงานบริการสาธารณสุข 37 แห่ง สังกัดสำนักการแพทย์กทม. 8 แห่ง รพ.ภาครัฐ รพ.มงกุฏวัฒนะ และรพ.แพทย์ปัญญา เพื่อให้ได้รับการรักษาต่อเนื่องสามารถไปรับยาได้
          2.ผู้ป่วยไต 295 คน กระทบจริงๆ ไม่เท่าไหร่ 3.ผ่าตัดที่มีนัดล่วงหน้า 132 คน มีการโทรประสานผู้ป่วยแจ้งสถานพยาบาลที่ให้เข้ารับการผ่าตัด 4.โรคเรื้อรัง เปิดให้เข้ารับยาต่อเนื่องได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร  และ 5.ฝากครรภ์กว่า 5,000 ราย กำลังประสานหน่วยบริการใน กทม.ให้ไปรับบริการได้

 pageview  1210916    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved