กรุงเทพธุรกิจ สธ.เผยผลตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงติดโควิด จ.เชียงใหม่ 65 รายไม่พบเชื้อ กำชับพบผู้ไม่กักตัว 14 วัน รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ขณะที่คกก.เชียงใหม่ยันยังไม่ล็อกดาวน์ กอ.รมน.เร่งบูรณาการหน่วยงานความมั่นคง สกัดลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จากกรณีที่มีการตรวจพบโควิด-19 ที่จ.เชียงใหม่ โดยเป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี เดินทางจากประเทศเมียนมาเข้าประเทศไทยจากเชียงรายมายังเชียงใหม่ ซึ่งมีอาการป่วยและมีประวัติไปสถานที่หลายแห่งในเชียงใหม่ มีผู้สัมผัสใกล้ชิดกว่า 300 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 100 คน
วานนี้ (29 พ.ย.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ความคืบหน้ากรณีพบผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทีมสอบสวนโรค ได้ทำการติดตามผู้สัมผัสและตรวจหาเชื้อ โดยทำการตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงไปแล้ว 65 ราย ผลไม่พบเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องกักตัวต่อจนครบ 14 วัน ซึ่งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และเน้นย้ำผู้สัมผัสทุกรายให้สังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำ และแยกกักในโรงพยาบาล สำหรับผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะมีการประสานให้ทางโควิดหมู่บ้านดูแลและประเมินจนกว่าจะครบ 14 วัน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก คอนโดและประชาชน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบบุคคลแปลกหน้าหรือพบผู้เดินทางที่ไม่ผ่านการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการภาครัฐ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการควบคุมป้องกัน สอบสวนโรค หากพบผู้ติดเชื้อจะสามารถนำส่งรักษาตามระบบได้อย่างทันท่วงที ไม่ให้มีการนำเชื้อมาแพร่สู่คนในประเทศเป็นวงกว้าง
นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากว่าการเปิดเผยของผู้ติดเชื้อ บอกข้อมูลได้ไม่หมดในช่วงแรกและมาเปิดเผยระหว่างการสอบสวนโรคในแต่ละวัน จึงทำให้ทำงานได้ยากลำบาก แต่ด้วยการทำงานของคณะกรรมการที่มีการวางแผนไว้ ทำให้การทำสามารถเข้าจำกัดกรอบผู้สัมผัสได้แคบมากขึ้น และมีประชาชนหลายคนถามเข้ามาว่าจะมีการล็อกดาวน์ จ.เชียงใหม่หรือไม่นั้น ขอชี้แจงว่าขณะนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่มีแนวทางที่จะล็อกดาวน์จังหวัด เนื่องจากยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยการล็อกดาวน์เป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะใช้หากเกิด
พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า นายกฯมุ่งเน้นให้ กอ.รมน. บูรณาการหน่วยงานความมั่นคงในการสกัดกั้นการนำเชื้อจากต่างประเทศ ด้วยการป้องกันสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด และให้ตรวจสอบสถานประกอบการที่มีการใช้แรงงานต่างด้าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 |