ทันทีที่ "คริสโตเฟอร์ เคนเนดี้"ต้องการทำความสะอาดรถ เขาเพียงแค่จอดรถใกล้ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองซานฟรานซิสโก หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วแจ้งผ่านแอพพลิเคชั่น เชอรี่ ว่ารถของเขาจอดอยู่ที่ไหน จากนั้นอีกประมาณ 20 นาที ผู้ให้บริการก็มาทำความสะอาดรถให้ถึงที่ ด้วยสนนราคาค่าบริการ 35 ดอลลาร์ ขณะที่ เคนเนดี้ นักออกแบบเว็บไซต์วัย 32 ปี นั่งจิบกาแฟพร้อมทำงานบนแลปท็อประหว่างรอการล้างรถ นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของความสะดวกสบายที่คนในปัจจุบันได้รับ จากสารพัด "แอพพลิเคชั่น" ที่มีให้เลือกดาวน์โหลด โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศอื่นๆ
บริการต่างๆ จากแอพพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นการสั่งอาหารส่งถึงที่ การซักรีดเสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งซื้อกระดาษชำระ เข้ามาครองใจคนรุ่นใหม่ และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว นักพัฒนา กล่าวว่า แอพพลิเคชั่นเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนประหยัดเวลา และสร้างงานใหม่ให้คนจำนวนมากที่เข้ามาตอบสนองความต้องการต่างๆ แต่ก็มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า แอพพลิเคชั่นเหล่านี้ อาจกำลังยั่วยุให้คนเราผลักงานไปให้คนอื่น ทั้งที่การทำด้วยตัวเองน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
:ทำคนยึดติดกับอุปกรณ์
"แลร์รี โรเซน" อาจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ให้ความเห็นว่า แอพพลิเคชั่นทำให้คนมีเหตุผล ที่จะไม่พูดกับคนอื่นแม้ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน และความสะดวกสบายที่ได้รับจากแอพพลิเคชั่นยิ่งทำให้คนยึดติดกับอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้น จนอาจโดดเดี่ยวตัวเองจากสังคม คนจำนวนไม่น้อยเริ่มเอาท์ซอร์สงานไปให้คนอื่นทำแทน ทั้งที่การทำด้วยตัวเอง หรือการพูดคุยแบบตัวต่อตัว จะมีผลด้านจิตใจมากกว่า เช่น การอวยพรวันเกิด
"โบ ฟิชแบค" หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ซาร์ลี ผู้ให้บริการความช่วยเหลือสารพัดรูปแบบ ยอมรับว่า เขาตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพราะเมื่อคนเราสามารถ
เอาท์ซอร์สงานแทบทุกอย่าง ก็อาจก่อให้เกิดสังคมที่เกียจคร้าน แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นการกระตุ้นธุรกิจใหม่ๆ ฟิชแบค กล่าวว่า ซาร์ลี เน้นการบริการที่ต้องอาศัยทักษะ เช่น การจ้างนักดนตรีไปเล่นตามงานเลี้ยง ไม่ใช่งานประเภทที่ก่อให้เกิดความขี้เกียจ บริษัทเขาเคยปฏิเสธงานจากนักศึกษาที่ต้องการจ้างคนเขียนรายงานมาแล้ว
การโต้เถียงเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของเทคโนโลยีใหม่ๆ มีมานานนับสิบปีแล้ว ตั้งแต่การประดิษฐ์รถยนต์ จนมาถึงการชอปปิงออนไลน์ และตอนนี้แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่ายก็อาจทำให้การยกหูโทรศัพท์กลายเป็นเรื่องยากไปเลยทีเดียว
:นักพัฒนาเชื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น
เมื่อปลายทศวรรษ 2533 มีบริษัทหลายแห่ง รวมถึงคอซโมดอทคอม นำเสนอบริการส่งสินค้าด่วน ทั้งขนมขบเคี้ยว ภาพยนตร์ และอุปกรณ์ใช้สอยภายในบ้าน แต่บริษัทเหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จ และล้มหายตายจากไปในที่สุด แต่นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นปัจจุบัน เชื่อว่าตัวเองแตกต่าง ส่วนหนึ่งเพราะโทรศัพท์อัจฉริยะช่วยให้การบริหารจัดการการขนส่งและคนงานมีประสิทธิภาพมากกว่า
"อดัม นาเดลสัน" แพทย์ประจำบ้านวัย 29 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก กระตือรือร้นกับการเอาท์ซอร์สงานแทบทุกอย่าง เมื่อเร็วๆ นี้ เขาจ้างคนทำคัพเค้กให้แฟนสาวในวันเกิดของเธอ โดยมี ซาร์ลี เป็นผู้ช่วยหาคนทำ จากนั้น 3 วัน คัพเค้กแสนอร่อยก็ไปส่งถึงประตูบ้าน นาเดลสัน ยังใช้บริการแท็กซี่ส่วนบุคคลผ่านแอพพลิเคชั่น อูเบอร์ สัปดาห์ละหลายครั้ง และยังเคยใช้แอพพลิเคชั่น ทาสก์แรบบิท ช่วยขนย้ายของ หรือแม้กระทั่งส่งขนมหวาน หากเขามีเวลาไม่มากพอที่จะไปซื้อเอง
นาเดลสัน กล่าวว่า การตัดสินใจจ้างคนอื่นทำงานแทน ขึ้นอยู่กับว่างานนั้นคุ้มค่าจ้างหรือไม่ แต่ก็มีบางอย่างที่เขาคิดว่าน่าจะลองทำเอง เช่น การทำอาหาร
ด้าน "ไมเคิล ริช" กุมารแพทย์ในเมืองบอสตัน กล่าวว่า การทำอะไรด้วยตัวเองขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานนั้น ซึ่งบางทีก็สามารถมองข้ามความน่าเบื่อหน่าย หรือยากลำบากไปได้
ริช ชี้ว่า สำหรับคนที่ไม่อยากล้างรถเอง การจ้างคนอื่นล้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่สำหรับบางคน การล้างรถอาจเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับสมาชิกในครอบครัวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งมีความหมายนอกเหนือไปจากการทำความสะอาดรถทั่วไป
"แอพพลิเคชั่นทำให้คนมีเหตุผลที่จะไม่พูดกับคนอื่นแม้ยืนอยู่ใกล้ๆ และความสะดวกสบายที่ได้รับยิ่งทำให้คนยึดติดกับอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้น"