|
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 12/09/2555 ] |
|
|
|
|
เพชรสังฆาตสมุนไพรพิฆาตกระดูกพรุน |
|
|
|
|
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่าในอีก 40 ปีข้างหน้า จำนวนผู้ป่วยที่มีภาวะกระดูกพรุนในประเทศไทยมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6.3 ล้านคน
ในส่วนของการรักษาพยาบาลพบว่า ในสถานพยาบาลของรัฐ มีการจ่ายยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติเพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุนสูงมากเป็นอันดับ 2 ซึ่งส่วนใหญ่ของยาที่แพทย์จ่ายนั้นเป็นยานำเข้า ซึ่งมีราคาแพงและทำให้ต้องสูญเสียเงินตราให้แก่บริษัทยาต่างชาติ
ด้วยเหตุนี้ ทางมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จึงได้เผยแพร่ข้อมูลของสมุนไพร “ตำลึงทอง” ที่มีสรรพคุณเด่น ในด้านการสร้างความแข็งแรงและซ่อมแซมกระดูก ข้อต่อ เอ็นตลอดจนกล้ามเนื้อ
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้แทนคณะกรรมการบริหารมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “ตำลึงทอง” นั้นเป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันในหลายชื่อ เช่น เพชรสังฆาต, ร้อยข้อหรือต่อกระดูก โดยมีการนำมาใช้บำรุงร่างกาย, บำรุงกระดูก, รักษากระดูกหัก, ข้อเสื่อม, ปวดข้อ, ปวดเข่า, ริดสีดวงทวารและมะเร็งกันมานาน
จากการเก็บข้อมูลกับหมอยาพื้นบ้านและประชาชนทั่วไปพบว่า ในอดีตนั้นเคยมีการวางจำหน่ายน้ำเพชรสังฆาตในลักษณะเดียวกับน้ำเก๊กฮวย เพื่อใช้ในการบำรุงสุขภาพแก้หวัดแก้ไอและแก้ร้อนใน
และในปัจจุบันโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขหลายแห่ง ได้นำเพชรสังฆาตมาใช้สำหรับบรรเทาอาการริดสีดวงทวารทดแทนยาแผนปัจจุบัน
“ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเองก็ไม่มียาแผนปัจจุบันสำหรับริดสีดวงทวารมานานถึง 11 ปี เพราะเราใช้เพชรสังฆาตทดแทนเนื่องจากราคาของเพชรสังฆาตถูกกว่ายาแผนปัจจุบันอยู่ประมาณ 3-5 เท่า และโรงพยาบาลอื่น เช่น โรงพยาบาลบางกระทุ่ม โรงพยาบาลอู่ทองและโรงพยาบาลพล” ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าว
สำหรับในตลาดโลก พบว่า เพชรสังฆาตนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับเพชรสังฆาตมากมาย อาทิ การต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน เพิ่มมวลกล้ามเนื้อและเพิ่มมวลกระดูก
โดยเฉพาะการเพิ่มมวลกระดูกนั้น เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะในปัจจุบันพบว่าหญิงไทยอายุ 40 ปี มากกว่าร้อยละ 20 มีกระดูกพรุนสันหลังส่วนเอว ขณะที่ผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 30 จะมีความสูงลดลง เพราะกระดูกสันหลังทรุดตัวอันเนื่องมาจากกระดูกพรุน
ที่ผ่านมาพบว่าในประเทศอินเดียมีการใช้เพชรสังฆาตเพื่อสมานและเพิ่มมวลกระดูก ซึ่งมีการศึกษาวิจัยต่อยอดจนได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายทั่วโลก
และปัจจุบันในประเทศไทยเองก็เริ่มมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรตัวนี้ โดยจากการวิจัยเบื้องต้นของ รศ.ดร. สมภพ ประธานธุรารักษ์ จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า เพชรสังฆาตมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมวลกระดูกได้เช่นกัน
“หากการวิจัยดังกล่าวประสบความสำเร็จ เราจะสามารถลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนได้มาก อีกทั้งยังสามารถลดเม็ดเงินที่เคยสูญเสียให้บริษัทต่างชาติ และอาจพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับส่งออกเพื่อนำรายได้เข้าประเทศได้อีกด้วย” ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย |
| | |
|
|