รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับตำรวจ วิเคราะห์ต้นเหตุทั้งหมวกนิรภัย เข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย และการนั่งท้ายรถกระบะ เพื่อบริหารจัดการเชิงนโยบาย เพิ่มการบังคับใช้กฎหมาย
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานรณรงค์ป้องกัน แก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจร ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่เป็น 1 ใน 15 พื้นที่นำร่องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น 4 มาตรการคือ เมาไม่ขับ ขับรถเร็ว สวมหมวกนิรภัยและคาดเข็มขัดนิรภัย ร่วมกันระหว่างตำรวจ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สสส. และกระทรวงสาธารณสุข
นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานภาพรวมทั้งจังหวัดพบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ผลของการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังทำให้จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุลดลง โดยมีการตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น เมาแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง ตลอด 5 วัน ตรวจไปแล้ว 26,000 ราย ดำเนินคดี 4,000 ราย ครึ่งหนึ่งไม่สวมหมวกนิรภัย ทำให้สถิติการบาดเจ็บและเสียชีวิตลดลง
อย่างไรก็ตามสถิติการเรียกใช้สายด่วนกู้ชีพ 1669 ยังน้อยมากเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ร้อยละ 80 ส่งโดยญาติ คนรู้จัก ดังนั้นเพื่อรักษาชีวิตผู้บาดเจ็บให้ปลอดภัยมากขึ้น ขอให้เรียกใช้บริการจากทีมกู้ชีพที่มีความรู้ ทักษะการช่วยเหลือชีวิตอย่างทันท่วงที และขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขจะให้มีการพัฒนาประสิทธิภาพของระบบกู้ชีพฉุกเฉิน รวมทั้งประเมินคุณภาพบริการของการกู้ชีพฉุกเฉินว่าสามารถรักษาชีวิตผู้บาดเจ็บ ลดความพิการได้มากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเฉพาะสาเหตุการเกิด ปัจจัยเสี่ยง ทั้งเรื่องเข็มขัดนิรภัย หมวกกันน็อค การนั่งท้ายรถกระบะ ถุงลมนิรภัย เพื่อนำมาบริหารจัดการเชิงนโยบาย ใช้เป็นมาตรการทางกฎหมาย เป็นนโยบายของประเทศ ในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลยังไม่สมบูรณ์