แม้จะพูดกันอยู่บ่อยๆ ว่า หากจะอยู่ด้วยกันอย่างยืนยาวและราบรื่นก็ต้องรู้จักลืมและให้อภัย
แต่ผลการศึกษาล่าสุดจาก เจมส์แมคนัลตี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซีกลับพบว่า การให้อภัยในบางครั้งอาจสั่งสมความไม่พอใจให้เกิดขึ้นจนส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคู่รักในระยะยาว
แมคนัลตี กล่าวว่าการแสดงความไม่พอใจ ไม่สบอารมณ์ หรือโกรธของคู่รักอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมามีแนวโน้มที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งยวดต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวมากกว่า
ขณะที่การให้อภัยกันและกันระหว่างคู่แต่งงานในบางครั้งก็ส่งผลกระทบด้านลบให้กับอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นเดียวกัน
"เราทุกคนคงมีประสบการณ์ที่คู่ของเรารุกล้ำละเมิดสิทธิของเราทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น มีกิ๊ก คิดไม่ซื่อเมินเฉย หรือใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายซึ่งทำให้เราต้องตัดสินใจว่าจะโกรธระงับไว้ หรือจะให้อภัย" แมคนัลตีกล่าว
ผลการศึกษาของแมคนัลตี ระบุว่า การมุ่งแต่จะให้อภัยคู่รักของตนเองอาจกลายเป็นตัวการที่ทำให้อีกฝ่ายแสดงพฤติกรรมเลวร้ายหนักข้อขึ้นไปอีก
หรือที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า "ได้ใจ" "ย่ามใจ"
"ถ้าต่างฝ่ายต่างพยายามเก็บงำความไม่พอใจไว้เพื่อตัดปัญหาอีกฝ่ายก็เหมือนจะยิ่งได้ใจ ลืมคำว่าให้อภัยและมุ่งแต่จะโกรธ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ของคู่รักในระยะยาว" แมคนัลตี กล่าว
แมคนัลตี อธิบายเพิ่มเติมว่า ในบางครั้งความโมโหโกรธเกรี้ยวระหว่างชีวิตสมรสมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการส่งสัญญาณเตือนอีกฝ่ายให้เรียนรู้และรู้ตัวว่าพฤติกรรมบางอย่างของตนเองเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์และรับไม่ได้
ดังนั้น หากรักจะอยู่กันอย่างยืนยงยืนยาว ฝ่ายหนึ่งก็จะเรียนรู้ที่จะปรับปรุงตนเองเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายแสดงพฤติกรรมโมโหโกรธาที่ตนไม่ชอบออกมาอีก
ขณะเดียวกัน เมื่อเห็นอีกฝ่ายรู้จักปรับปรุงตัวเอง ฝ่ายที่โมโหก็จะเกิดความพึงพอใจ จนนำไปสู่อารมณ์โกรธที่น้อยลงเรื่อยๆ
ทั้งนี้ พฤติกรรมการให้อภัยของคนเรานั้นมีปัจจัยหลายตัวเข้ามาเกี่ยวข้องและส่งผลกระทบที่จะทำให้การให้อภัยในแต่ละครั้งมีประสิทธิภาพซึ่งรวมถึงระดับความพึงพอใจและระดับความแรงกับความบ่อยของพฤติกรรมกวนโมโหนั้นๆ เป็นสำคัญ
"เท่ากับว่ายิ่งฝ่ายที่ให้อภัยรู้สึกพอใจมากเท่าใด โอกาสที่จะโกรธหรือโมโหคู่ของตนเองก็จะมีน้อยลงไปด้วยเช่นกัน" แมคนัลตี กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ชื่อว่าเป็นเรื่องของคนสองคนแล้ววิธีการจัดการรับมือกับปัญหาขัดแย้งย่อมแตกต่างกันไป และไม่มีสูตรตายตัว
ทั้งนี้ แมคนัลตี ยอมรับว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว การตัดสินใจใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ฉันคู่รักขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อมในขณะนั้นๆ เป็นสำคัญ
เอาเป็นว่า ถ้ารักจะอยู่กันนานๆ ก็เอาใจเขามาใส่ใจเราก็เวิร์กสุดแล้ว |