Follow us      
  
  

โพสต์ทูเดย์ [ วันที่ 26/03/2555 ]
พลังบวกพ่อแม่สร้างลูกฉลาด

 ปัจจุบันครอบครัวไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น พ่อแม่ต้องเลี้ยงลูกควบคู่ไปกับการทำงานขณะเดียวกันแม่ได้รับบทบาทสำคัญในการดูแลและปลูกฝังลูก รวมทั้งต้องรับผิดชอบหลายด้าน เวลาที่มีให้กันภายในครอบครัวจึงน้อยลง ทำให้ขาดความเข้าใจ ขาดกำลังใจมองโลกในแง่บวกได้น้อยลง พลังบวกของแม่ลดลง จนกระทั่งเด็กในปัจจุบันกลายเป็นเด็กที่ขาดความสุข กดดันจากการถูกส่งต่อความคาดหวัง มองไม่เห็นศักยภาพของตัวเอง ติดเกม ติดเพื่อนเชื่อมั่นในตัวพ่อแม่น้อยลงเมื่อมีปัญหาจึงไม่ปรึกษาพ่อแม่ครอบครัวเริ่มห่างเหินและขาดความอบอุ่น
          ทว่าเมื่อมองออกไปภายนอกครอบครัวโลกนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงในทางร้ายๆ เริ่มเข้ามาเยือนมนุษย์มากขึ้นทุกที ภัยพิบัติร้ายแรงไม่ว่าจะน้ำท่วม แผ่นดินไหว ไฟป่า เกิดขึ้นจนเป็นเรื่องปกติการดำรงชีวิตให้อยู่รอดจึงไม่ใช่แค่ความเป็นคนเก่ง แต่คือคนที่มีจิตใจเข้มแข็งมีคุณธรรม และสามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้
          นิตยสารโมเดิร์น มัม (Modern Mom)อาสามาเติมพลังบวกให้กับคุณแม่และครอบครัว โดยร่วมกับโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชศรีนครินทร์ จัดงานเสวนาในหัวข้อ "พลังบวกสร้างลูกฉลาดและอยู่รอด" ได้รับเกียรติจากวิทยากรแถวหน้าของวงการครอบครัวไทยนพ.สุริยเดว ทรีปาตีผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัวและ ครูณา-อังคณา มาศรังสรรค์ผู้ก่อตั้งโรงเรียนพ่อแม่ลูก กระบวนกรที่นำประสบการณ์จริงของชีวิตมาถ่ายทอดเพื่อส่งเสริมความรักความเข้าใจในครอบครัว ร่วมด้วยพญ.อัมพร สันติงามกุล จากโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ศรีนครินทร์
          พญ.อัมพร สันติงามกุล กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรมโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ศรีนครินทร์ ให้ความรู้ว่า การเรียนรู้ของลูกน้อยนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ในครรภ์ และคุณแม่สามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสของลูกได้ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ แต่จะทำได้เต็มที่เมื่อลูกคลอดออกมาแล้ว"ช่วงขวบปีแรกเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดที่จะกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเด็ก เพราะประสาทสัมผัสทั้ง 5 เมื่อได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสมตรงตามช่วงวัย จะทำให้สมองเจริญเติบโตและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"
          ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญคือเวลาที่เรากระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อย ต้องให้ลูกน้อยได้รับประสบการณ์ตรง ได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัสของจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะดีกว่าการกระตุ้นโดยการใช้เทคโนโลยี อย่างเช่น การใช้ไอแพด ไอโฟนอย่างที่มีกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
          "เวลาที่เรากระตุ้นพัฒนาการของเด็ก จะไม่ได้แยกส่วนว่าเรากระตุ้นเรื่องการได้ยินเรื่องการมองเห็นแต่จะเป็นการกระตุ้นที่ไปร่วมกันมากกว่า อย่างเช่นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่เล่นกับเด็ก เด็กมองหน้าคุณพ่อคุณแม่ ก็เป็นการกระตุ้นเรื่องการมองเห็นเวลาคุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับน้อง ก็เป็นการกระตุ้นทางการได้ยินเป็นเรื่องของภาษาตามมา ลูกมีหน้าต่างแห่งโอกาสในการเปิดที่จะรับรู้ ที่เราจะกระตุ้นพัฒนาการได้สูงสุดช่วงปฐมวัย คือ 0-3 ปีแรก ตรงนี้จุดที่สำคัญคือเขาต้องได้รับประสบการณ์ตรง ได้สัมผัสกับสิ่งนั้นๆ โดยตรง จะช่วยเสริมพัฒนาการของเขาให้เต็มศักยภาพ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจช่วงอายุนี้ให้มาก"
          นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว เปิดเผยว่า พ่อแม่ในยุคปัจจุบันเลี้ยงลูกยากขึ้น เพราะว่ามีปัจจัยแวดล้อมเปลี่ยนไป ระบบการศึกษาที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ยุคสมัยเปลี่ยน แต่พ่อแม่เปลี่ยนตามไม่ทัน แล้วเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปแบบไร้พรมแดน เมื่อไม่สมดุลกันจึงเกิดปัญหา
          พ่อแม่ต้องดูว่าเรามีพลังในการเลี้ยงลูกยังไง เช่น เราเจอลูกมีปัญหา ถามว่าเรามีความเครียดไหม ก็ย่อมต้องมี แต่เราต้องยึดหลักที่ว่า ปัญหามีไว้หลอมรวมกันแล้วทุกคนช่วยกันแก้ด้วยจิตสำนึกที่ดี ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ พ่อก็เข้ามาคลุกวงใน แม่ก็เข้ามาคลุกวงในด้วยจิตสำนึกที่ดี ไม่ได้มีการกล่าวโทษกันเพราะปัญหามีไว้หลอมรวมกัน ไม่ได้มีไว้ให้โทษใคร ถ้าครอบครัวยึดหลักนี้จะไม่เกิดความตึงเครียด ครอบครัวก็จะมีความสุข
          "สิ่งที่เราพบข้ออ่อนแอที่สุดในปัจจุบันคือ ใจในการเลี้ยงลูกมันถอยลงไป สัมผัสที่ 6 พลังบวก จะไม่เกิดขึ้น แม้จะพยายามใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในรูปแบบอื่นๆแม้กระทั่งเอาเทคโนโลยีมาเสริมเติมเต็มซึ่งกันแต่เมื่อเราพูดถึงคำว่ารักสายใยรัก ความอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัย พูดถึงพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ พูดถึงพลังบวก สิ่งต่างๆเหล่านี้จะไม่เกิดเลย ถ้าใจนั้นมันไม่เกิดขึ้นคือ สัมผัสที่ 6 ไม่มี เมื่อพ่อแม่เสริมสร้างกำลังใจซึ่งกันและกัน มีพลังบวกเกิดขึ้นถ่ายทอดไปสู่ลูก อานิสงส์ก็เกิดขึ้นที่ตัวลูก"
          ขณะที่ครูณา-อังคณา มาศรังสรรค์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนพ่อแม่ลูก ที่มานำกิจกรรมเวิร์กช็อปเสริมสร้างความสัมพันธ์ โดยวิธีการชมภาพยนตร์เพื่อกระตุกความคิดและเปิดมุมมองเรื่องพลังบวกแก่พ่อแม่ก็แนะว่าพ่อแม่ต้องเข้าใจตัวเองก่อน ต้องเห็นคุณค่าของตัวเอง เข้าใจตัวเองมากขึ้น จึงสามารถเห็นคุณค่าและความสามารถของผู้อื่นได้เพราะนั่นคือต้นธารแห่งชีวิต เป็นต้นธารแห่งความสุขที่จะต้องเริ่มต้นที่ตนเองก่อน
          "คุณพ่อคุณแม่ต้องรักตัวเองให้เป็นเพราะหากเราหันกลับมารู้จักกับความรักตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราจะเริ่มรักคนรอบข้าง รักโลกใบนี้ แล้วเราจะเริ่มให้อภัยได้ง่ายขึ้น"

 pageview  1210899    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved