Follow us      
  
  

สยามกีฬา [ วันที่ 12/02/2564 ]
ภูเก็ตยื้อซื้อวัคซีน ปูทางรับท่องเที่ยวคืนชีพ1ต.ค.

  ติดเชื้อเพิ่ม 201 รุกตรวจจุฬา
          ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทย ประจำวันที่ 11 ก.พ. 64 พบติดเชื้อเพิ่ม 201 ราย จากสมุทรสาคร 129 ราย กทม. 17 ราย ระบุการติดเชื้อเจ้าหน้าที่จุฬาฯ รวม 14 ราย ยังต้อง สอบสวนโรคเพิ่ม เหตุโดยรอบเป็นตลาดและชุมชน ชาวออฟฟิศ ขณะที่ภาคเอกชนภูเก็ตยื่นหนังสือถึง นายกฯ และผู้ตรวจการแผ่นดิน ทบทวนคำวินิจฉัย ไม่ให้ภาคเอกชนซื้อวัคซีนโควิด-19 ได้โดยตรง ชี้กระทบแผนเปิดรับนักท่องเที่ยว ที่เตรียมความพร้อมมา 9 เดือนแล้ว หวั่นธุรกิจไม่ฟื้น ขณะที่ผู้ว่าราชการ จังหวัดระยอง เผยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย หลังไม่พบติดต่อกันมา 10 วัน อีกทั้งรายสุดท้าย เพิ่ง กลับบ้านได้เมื่อเช้านี้ รับยังไม่ทราบติดจากไหน ด้านนายด่านสุไหงโก-ลก เจ๋ง คิดค้นทำสายเคเบิลไทร์รัด ข้อมือป้องกันโควิด-19 หวังใช้เป็นสัญลักษณ์ควบคุม พนักงานขับรถขนส่งชาวมาเลเซียที่เข้ามาด่านชายแดนโดยยังถือเป็นแห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทย
          ไทยติดเชื้อใหม่ 201 ราย
          เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 64 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การ แพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) แถลง สถานการณ์ประจำวันว่า ช่วงตรุษจีนวันที่ 12-14 ก.พ. จะไม่มีการรายงานสถานการณ์ สำหรับวันนี้ทั่ว โลกมีผู้ติดเชื้อ 107.8 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.37 แสน ราย เสียชีวิต 2.36 ล้านราย
          ส่วนประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 201 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 185 ราย มาจาก ต่างประเทศ 16 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม หายป่วย เพิ่ม 885 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 24,104 ราย หายป่วยสะสม 19,799 ราย ยังรักษาอยู่ 4,225 ราย เสียชีวิตสะสม 80 ราย ส่วนการระบาดระลอกใหม่มีผู้ติดเชื้อสะสม 19,867 ราย หายป่วยสะสม 15,859 ราย เสียชีวิตสะสม 20 ราย ยังรักษาอยู่ 3,988 ราย
          จากสมุทรสาครร้อยละ 69
          พญ.อภิสมัยเผยต่อว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ของไทยวันนี้มาจาก 1. สมุทรสาคร 129 ราย คิดเป็น 69.73 เปอร์เซ็นต์ มาจากระบบบริการ 56 ราย และค้นหาเชิงรุก 73 ราย ยอดสะสม 15,316 ราย คิดเป็น 80.4 เปอร์เซ็นต์ 2. กทม. 17 ราย คิด เป็น 9.19 เปอร์เซ็นต์ จากระบบบริการ 16 ราย ค้นหาเชิงรุก 1 ราย ยอดสะสม 896 ราย คิดเป็น 4.7 เปอร์เซ็นต์ และ 3. จังหวัดอื่นๆ 39 ราย คิด เป็น 21.08 เปอร์เซ็นต์ มาจากระบบบริการ 24 ราย ค้นหาเชิงรุก 15 ราย ยอดสะสม 2,839 ราย คิดเป็น14.9 เปอร์เซ็นต์
          พญ.อภิสมัยกล่าวว่า สำหรับรายละเอียด ผู้ติดเชื้อรายใหม่ พบว่า 1. มาจากระบบเฝ้าระวัง และการสอบสวนโรค 96 ราย ได้แก่ กทม. 16 ราย สมุทรสาคร 56 ราย ตาก 23 ราย และนนทบุรี 1 ราย 2. คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 89 ราย ได้แก่ กทม. ราย ตาก 14 ราย ระยอง 1 ราย และสมุทรสาคร 73 ราย และ 3. มาจากต่างประเทศ 16 ราย ได้แก่ สหรัฐฯ 7 ราย สวีเดน 3 ราย ปากีสถาน ซูดาน ญี่ปุ่น รัสเซีย ตุรกี และสหราชอาณาจักร ประเทศละ 1 ราย
          รุกตรวจเพิ่มเคสจุฬาฯ ระบาด
          พญ.อภิสมัย กล่าวว่า จังหวัดที่พบผู้ติด เชื้อช่วงวันที่ 7-11 ก.พ. พบทั้งสิ้น 10 จังหวัด ส่วน จังหวัดที่ไม่พบรายงานผู้ป่วยมาก่อนมี 14 จังหวัด ไม่ พบผู้ป่วยรายงานมากกว่า 28 วัน มี 29 จังหวัด ไม่พบ 15-28 วัน มี 16 จังหวัด ไม่พบช่วง 7-14 วัน มี 6 จังหวัด ส่วนที่ยังพบผู้ป่วยในรอบ 6 วันที่ผ่านมามี 12 จังหวัด
          "ในส่วนการติดเชื้อของเจ้าหน้าที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 14 ราย จะมีการสอบสวน เพิ่มเติมตลอดจนติดตามการติดเชื้อในพื้นที่ใกล้เคียงและรอบๆ เพราะยังมีตลาด ชุมชน และมีมาตรการ กักกันผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ทำความสะอาดพื้นที่ สอบสวน ปัจจัยแพร่ระบาด อย่างก่อนหน้านี้การติดเชื้อมักมา จากภายในสำนักงาน พบกันทุกวันรับประทานอาหาร ร่วมกัน จากการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม การสแกนหน้าของบุคลากรก็ถือเป็นความเสี่ยงที่ต้องทบทวน กัน และการอาศัยในพื้นที่หอพัก คอนโดที่ใกล้ชิด กัน" พญ.อภิสมัยกล่าว
          เอกชนขอรัฐทวนปมซื้อวัคซีน
          นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้า จังหวัดภูเก็ต และ นายภูมิกิตติ์ รักแต่งงาม นายก สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เดินทางไป ยังหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ตเพื่อยื่นหนังสือถึง พล เอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอดัดค้าน คำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
          ที่ระบุว่า ไม่สามารถให้ภาคเอกชนซื้อ วัคซีนไวรัสโควิด-19 ได้โดยตรง และยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ร้องเรียนคำวินิจฉัยและข้อ เสนอแนะผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีที่มีการวินิจฉัยว่า ไม่สามารถให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาค เอกชนซื้อวัคซีนโควิด-19 ได้โดยตรง ผ่านทางนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
          เพื่อขอให้ทบทวนคำวินิจฉัยดังกล่าวให้ พิจารณาและมีคำสั่งให้ภาคเอกชนและท้องถิ่นใน จังหวัดภูเก็ต มีสิทธิ์ในการจัดซื้อวัคซีนที่ได้รับอนุญาต จาก อย. โดยตรงจากผู้ผลิตวัคซีน เพื่อการท่องเที่ยวจะได้กลับมาทันภายในปี 2564 ตามยุทธศาสตร์เปิดรับนักท่องเที่ยว Phuket First October และยังจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภูเก็ตด้วย
          แผนภูเก็ต 1 ต.ค. รับนทท.
          นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช กล่าวว่า ด้วยทาง ภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ตมีการกำหนดยุทธศาสตร์ใน การเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในวันที่ 1ตุลาคม 2564 หรือที่เรียกว่า Phuket First October และ ยังได้กำหนดแผนงานในการเตรียมความพร้อมตลอดระยะเวลา 9 เดือน
          และต้องการที่จะจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับคนภูเก็ตในกลุ่มของภาคท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยว เนื่อง นอกเหนือจากที่ได้รับจากรัฐบาลหรือองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามานั้น จะต้องมีการฉีดวัคซีนมาก่อน และเมื่อมาแล้วไม่ต้องกักตัว 14 วัน
          แต่จากการที่ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีการวินิจฉัยว่า ไม่สามารถให้ภาคเอกชนหรือองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนได้โดยตรงนั้น ได้ ส่งผลกระทบกับยุทธศาสตร์ดังกล่าวจังหวัดภูเก็ตเป็น อย่างมาก เพราะถือเป็นความหวังของจังหวัดภูเก็ตใน การที่จะฟื้นธุรกิจกลับมาได้บ้าง เพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ และยังสามารถ เป็นโมเดลให้กับจังหวัดท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ เช่นนั้นความยากลำบากที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
          ระยองป่วยใหม่รอบ 10 วัน
          เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 64 นายชาญนะ เอี่ยม แสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เปิดเผยถึงสถานการณ์ โควิด-19 จ.ระยอง ประจำวันที่ 11 ก.พ. ว่า วันนี้ตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อ 1 ราย หลังไม่พบผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดติดต่อกัน 10 วัน
          สำหรับผู้ติดเชื้อเป็นชาย อายุ 43 ปี ทำงานเป็นพนักงานขับรถในโรงงานอุตสาหกรรม แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.ระยอง รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยอง จากการสอบสวนโรค พบผู้สัมผัสใกล้ชิดจำนวน 11 ราย ได้กักตัวตรวจหา เชื้อ เบื้องต้นไม่พบเชื้อทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อมาจากไหน
          สำหรับจังหวัดระยองไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมาเป็นเวลา 10 วัน มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 580 ราย รักษาหายทั้งหมดแล้ว โดยผู้ป่วยติดชื่อรายสุดท้าย เพิ่งรักษาหาย และออกจากโรงพยาบาลเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้
          ด่านโก-ลกใช้สายรัดคุมโควิด
          ตามที่คณะทำงานประจำช่องทางเข้า-ออกประเทศสุไหงโก-ลก ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการขนส่งระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางการแก้ ปัญหากรณีพนักงานขับรถขนส่งชาวมาเลเซียซึ่งได้รับ อนุญาตให้เข้า-ออกด่านพรมแดนสุไหงโก-ลกตามข้อ ยกเว้นของ ศบค. ที่มีบางรายได้ขับขี่ออกนอกเส้นทางที่กำหนด จนกระทั่งมีข้อสรุป ร่วมกันว่าจะใช้สายรัดข้อมือเคเบิลไทร์เพื่อเป็น สัญลักษณ์ระบุตัวบุคคลนั้น
          ล่าสุด นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นาย ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ในฐานะ ประธานคณะทำงานประจำช่องทางเข้า-ออกสุไหงโก- ลก ได้สั่งทำสายรัดเคเบิลไทร์ที่ออกแบบเป็นพิเศษ มีหมายเลขกำกับทุกเส้น เริ่มต้นที่ 004001 ลอตแรก จำนวน 3,000 เส้น ส่วนลอตที่ 2 จะทำสีแดง ที่ ระบุข้อความ C.I.Q SU-NGAI KOILOK พร้อม หมายเลขกำกับ ซึ่งพนักงานขับรถระหว่างประเทศ จากประเทศมาเลเซียเมื่อเข้ามาทำพิธีการศุลกากรจะต้องสวมสายรัดเส้นนี้ทันที
          และเมื่อจะประทับตรากลับไปประเทศ มาเลเซีย สายรัดข้อมือเส้นนี้จะต้องอยู่ในสภาพ สมบูรณ์ ไม่หลุดออกจากข้อมือ ทั้งนี้หากอยู่ในสภาพ ไม่สมบูรณ์ หรือถูกตัดสายรัดออกจากข้อมือ จะถือว่า บุคคลดังกล่าวทำผิดเงื่อนไข และจะต้องถูกลงโทษด้วยการห้ามขับรถขนส่งสินค้าเข้ามาในประเทศไทย
          ทั้งนี้ มาตรการควบคุมรถขนส่งสินค้า ระหว่างพิเศษ คือทุกคันต้องประทับตราที่ด่านตรวจ คนเข้าเมือง และทำพิธีการศุลกากร สวมสายรัดข้อมือ เคเบิลไทร์ที่ระบุหมายเลขประจำสายรัดข้อมือแต่ละ เส้น swab หาเชื้อโควิด-19 เดือนละ 2 ครั้ง นำรถ ไปลงสินค้าระยะทางไม่เกิน 7 กิโลเมตร ลงทะเบียนเข้าออกด่าน-สถานประกอบการแต่ละเที่ยวไม่เกิน 7 ชั่วโมง หากฝ่าฝืนด้วยการขับรถออกนอกเส้นทางแวะรับประทานอาหาร หรือไปในที่ชุมชน ครั้งแรกจะ ตักเตือน หากทำผิดซ้ำจะไม่อนุญาตให้เดินทางรับส่ง สินค้าเข้ามาในประเทศไทยอีกเป็นอันขาด
          นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากร สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส กล่าวย้ำว่า สถานการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ มาเลเซีย ยังมีผู้ป่วยรายวันเพิ่มขึ้นสูงมาก ขณะที่ ระบบเศรษฐกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทย- มาเลเซีย ยังมีความจำเป็นเพื่อให้กลไกการค้าเดิน หน้าต่อไปได้
          "เรวัต" ขอวัคซีนเพื่อคนภูเก็ต
          เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 64 นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และ นายแพทย์โสภณ เมฆธน ประธานอนุกรรมการ การบริหารจัดการ การให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อขอโอกาสสำหรับเมืองท่อง เที่ยวระดับโลกอย่างจังหวัดภูเก็ต ให้คนในภูเก็ตได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มที่ 3 เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้กับคนภูเก็ต นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่าง ประเทศในการที่เดินทางเข้ามา ซึ่งจะทำให้การขับ เคลื่อนเศรษฐกิจของภูเก็ตและของประเทศสามารถ เดินต่อไปได้
          "เราเข้าใจดีว่า การสั่งวัคซีนเข้ามานั้น มีข้อจำกัด และจะต้องฉีดให้กับกลุ่มเสียงคือหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย และกลุ่มเสี่ยงสีแดง คือ จังหวัดสมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร แต่หลังจากนั้นจะมีการกระจาย ไปยังประชาชนทั่วไป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่ 3 ที่จะได้รับการฉีดวัคซีน แต่ในระยะแรกยังไม่ได้รับครอบคลุมทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ จึงมองว่าในส่วนของ เมืองเศรษฐกิจ เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ควรจะได้รับ การจัดสรรวัคซีนเข้ามาให้มากกว่าจังหวัดอื่นๆ โดย เฉพาะในส่วนของภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่สำคัญควรจะได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะ เป็นเมืองที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย ถ้าทำได้ก็ จะเป็นการสร้างทางรอดด้านเศรษฐกิจ และเป็นการ ช่วยเหลือคนในภูเก็ตด้วย" นายเรวัตกล่าว
          นายกอบจ.ภูเก็ต กล่าวต่อว่า ทำไมต้องเป็นตัวเลข 70 เปอร์เซ็นต์ จริงๆ แล้วเราก็อยาก ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ความเป็นไปได้ยังยากอยู่ ซึ่งจากการสอบถามไปยังผู้เชี่ยวชาญทราบว่า ถ้าฉีดได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้ความเสี่ยงใน การติดเชื้อลดลงมาก แต่ในอนาคตจะต้องฉีดให้ครบ100 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน ถ้าทำได้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนภูเก็ต รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่จะเข้า มา สิ่งที่ตามมาคือ เรื่องของการเคลื่อนไหวในเรื่องของเศรษฐกิจ รายได้ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ ประชาชนมี รายได้ ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าเดือดร้อนเป็นอย่างมาก คนในพื้นที่เองไม่มีกำลังจ่าย แต่ถ้านักท่องเที่ยวมั่นใจ และเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยว ภูเก็ตซึ่งเป็นเมือง ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมหาศาล ก็จะพบกับทางรอด และกลับมาเดินได้อย่างมั่นคงต่อไป
          นายกอบจ.ภูเก็ต กล่าวถึงกรณีผู้ตรวจ การแผ่นดินออกหนังสือ กรณีองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นจะจัดซื้อวัคซีนเอง เพื่อฉีดให้กับคนใน พื้นที่ ไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้โดยส่วนตัวตนเข้าใจ ในเจตนารมณ์ดังกล่าว ที่มีความเป็นห่วงเรื่องของ คุณภาพของวัคซีน และเรื่องของการใช้จ่ายงบ ประมาณว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็น เรื่องใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในเรื่องของความ จำเป็น และเรื่องของการประหยัดงบประมาณที่ทาง รัฐบาลต้องใช้ในการจัดซื้อวัคซีน และนำเสนอเหตุผล ความจำเป็นเสนอไปยังรัฐบาล เพื่อให้ทบทวนเรื่องดัง กล่าวคิดว่าน่าจะได้รับการทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง
          แมสก์ 2 ชั้นกันเชื้อร้อยละ 95
          นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อของสหรัฐอเมริกา หรือซีดีซี แนะนำให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยให้แน่นหนา หรือหากเป็นไปได้ให้สวม 2 ชั้น หลังผลวิจัยใหม่บ่งชี้ว่าสามารถลดการติดต่อของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ชาร์ส 2 (SARS Co 2) ลงได้ถึงร้อยละ 96.5
          คำแนะนำใหม่จากชีดีซีเกิดขึ้นหลังการทดสอบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่แน่นหนา และการสวมหน้ากากผ้าปิดทับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ช่วยลดการติดต่อของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 ได้มากถึงร้อยละ 96.5
          แพทย์หญิงเรเซล พี.วาเลนสกี ผู้อำนวย การซีดีซี กล่าวเรียกร้องให้ชาวอเมริกันดูแลการสวม หน้ากากป้องกันให้แน่นหนา ท่ามกลางแนวโน้มการ ระบาดที่ยังมีสูง พร้อมยืนยันว่ายังไม่ใช่เวลาการผ่อนปรนมาตรการสวมหน้ากาก
          "การศึกษานี้บอกอะไร โดยสรุปก็คือการสวมใส่หน้ากากป้องกันนั้นได้ผลแน่นอน และจะได้ผล ดีที่สุดหากสวมใส่อย่างถูกต้องแน่นหนา" พญ.วาเลน สกีระบุ
          โควิดโลกเฉียด 108 ล้าน
          เว็บไซต์ worldometers รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ประจำวันที่ 11 ก.พ. 64 โดยระบุยอดผู้ติดเชื้อ ทั่วโลกใกล้ทะล 108 ล้านคนแล้ว โดยยอด ณ เวลา 17.45 น. (เวลาไทย) อยู่ที่จำนวน 107,925,010 คน เสียชีวิตแล้ว 2,366,957 คน และรักษาหายแล้ว 79,945,804 คน
          ขณะที่ยอดติดเชื้อในระดับประเทศ5 อันดับที่ยอดผู้ป่วยสูงสุด มีดังนี้ อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา 27,897,214 คน, อันดับ 2 อินเดีย10,871,060 คน, อันดับ 3 บราซิล 9,662,305 คน,อันดับ 4 รัสเซีย 4,027,748 คน และอันดับ 5 สหราชอาณาจักร 3,985,161 คน

 pageview  1210888    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved