HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 09/12/2563 ]
ติดเชื้อในประเทศเพิ่มอีก4รายบุคลากรการแพทย์ปฏิบัติงานที่รพ.เอกชน-ศูนย์กักกัน

 ทั้งหมดล้วนทำงานในพื้นที่กทม.'บิ๊กตู่'ลั่นพร้อมรับมือโควิดรอบ2 สั่งจัดการพวกลักลอบเข้าประเทศอนุทินหนุนฟ้อง20ล้านแพร่ไวรัส
          ไทยพบติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 19 คน มี 4 คน ติดเชื้อในประเทศ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ใน ASQ กทม. ประวัติทำหน้าที่ Swab เร่งสอบสวนโรค ที่เหลือกลับจากต่างประเทศเข้าในสถานที่กักตัว  สสจ.เชียงราย แถลงพบติดเชื้อใหม่ 8 คน แยกเป็นมาจากท่าขี้เหล็ก กักตัวใน LQ 7 คน อีก 1 นอก LQ สารภาพ กลับจากท่าขี้เหล็กพร้อมผู้ป่วยเคสราชบุรี รวมเชียงราย มีสะสม 34 คน ยันไม่ล็อกดาวน์ ด้านภาคธุรกิจ ถกหาแนวทางเอาผิดพวกหนีเข้าประเทศ ซัดทำเสียหายกว่า 20 ล้าน นายกฯวอนอย่าตื่น โควิด-19 ระบาด ยันไม่ใช่ซูเปอร์สเปรดเดอร์ วอนทุกฝ่ายร่วมมือสั่งเข้ม 3 แนวทางทุกจังหวัด เปรยไม่อยากให้ถึงจุดชัตดาวน์ประเทศอีกรอบ ลั่นหนีกลับประเทศช่องทางธรรมชาติต้องจัดการตามกฎหมาย
          เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์ COVID-19 ของไทยว่า วันนี้ไทยมี ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 19 คน รวมมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,126 คน หายป่วยแล้ว 3,874 คน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 192 คน เสียชีวิตรวม 60 คน
          ติดโควิดใหม่19-โยงท่าขี้เหล็ก1
          สำหรับผู้ติดเชื้อใหม่ 19 คน แบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine ได้แก่ ประเทศ เมียนมา 6 คน สหรัฐอเมริกา 2 คน ตุรกี บัลแกเรีย โมร็อกโก สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก และบาห์เรน ประเทศละ 1 คน ส่วนอีก 4 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศจากกทม. และอีก 1 คน เป็นเพศหญิงอายุ 21 ปี จ.เชียงราย เข้าประเทศไทยตามเส้นทางธรรมชาติ สัญชาติไทย เป็นแม่บ้าน ผลพบเชื้อเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา แต่ไม่มีอาการและถือเป็น ผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับจ.ท่าขี้เหล็ก รายที่ 39 และเป็นรายที่ 27 ของจ.เชียงราย  นอกจากนี้ ยังพบกลุ่มที่เดินทางกลับจากจ.ท่าขี้เหล็ก  และเข้าใน Local Quarantine จ.เชียงราย พบเพิ่มอีก 7 คน ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย จะแถลงรายละเอียดเพิ่มเติม โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มนี้จะนำไปรวมกับตัวเลขผู้ติดเชื้อวันที่ 9 ธ.ค.
          พบติดเชื้อในปท.4คนในASQกทม.
          นพ.จักรรัฐกล่าวต่อว่า สำหรับ ผู้ติดเชื้อรายที่ 16-19 จากกทม. ซึ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ ทั้งหมดเป็นเพื่อนกับบุคลากรการแพทย์ที่เคยมีรายงานการป่วยคนแรกใน ASQ ของ กทม. ที่ยืนยันก่อนหน้านี้ และทำหน้าที่ Swab   เพศหญิง อายุ 40 ปี สัญชาติไทย อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ ผลพบเชื้อ มีไข้และน้ำมูก พบติดเชื้อ 4 ธันวาคม (ปฏิบัติงานที่ ASQ)   เพศหญิง อายุ 32 ปี สัญชาติไทย อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ ผลพบเชื้อ มีไข้ พบติดเชื้อ 5 ธันวาคม (ปฏิบัติงานที่ ASQ)  เพศหญิง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ ผลพบเชื้อ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ พบติดเชื้อ 5 ธันวาคม (ปฏิบัติงานที่ ASQ และโรงพยาบาลเอกชน)  เพศชาย อายุ 27 ปี สัญชาติไทย อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ พบติดเชื้อ  5 ธันวาคม (ปฏิบัติงานที่ ASQ และโรงพยาบาลเอกชน)  ผลสอบสวนโรคพบกลุ่มเสี่ยงสูง 51 คน ไม่พบติดเชื้อ และสัมผัสเสี่ยงต่ำยังรอผลตรวจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับผู้ทำงานโรงพยาบาล เพื่อนร่วมห้องพัก บุคคลในครอบครัว รวมทั้ง ASQ แห่งที่ 1 และ 2 โดยทั้งหมดนี้จะสอบสวนรายละเอียดทางห้องปฏิบัติเพื่อหาสาเหตุการติดเชื้อ
          เปิดไทม์ไลน์สาว21หนีจากท่าขี้เหล็ก
          นพ.จักรรัฐกล่าวถึงกรณีหญิงไทยอายุ 21 ปี ติดโควิด-19 ที่เชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อรายที่ 39 ของจ.เชียงราย ที่มาจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาว่า เคสหญิงไทยอายุ 21 ปี ลักลอบ ข้ามแดนผิดกฎหมายติดเชื้ออีก 1 ราย จากการสอบสวนโรคพบวันที่ 29 พฤศจิกายน เวลา 06.00 น. ผู้ป่วยข้ามเข้ามาฝั่งไทยกับเพื่อนที่ติดเชื้อจากจ.ราชบุรี ทางเส้นทางธรรมชาติ โดยมีชาวเมียนมานำทางมาส่ง  เวลา 07.00 น. ผู้ป่วยโทรหาแฟนให้ไปรับที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง  เวลา 08.00 น. แฟนผู้ป่วยเดินทางถึงสถานที่นัดพบและเดินทางต่อไปสนามบินเชียงรายเพื่อไปส่งเพื่อน (เคสราชบุรี) ขึ้นเครื่องไปกทม. เวลา 09.00 น. เดินทางถึง สนามบินเชียงราย จากนั้นผู้ป่วยและแฟนเดินทางกลับบ้านทันที ไม่ได้ลง จากรถ  เวลา 10.30 น. ผู้ป่วยและแฟนเดินทางถึงบ้าน
          เที่ยวงานสิงห์ปาร์คนั่งโซนกลาง
          เวลา 18.00 น. ผู้ป่วยและแฟนเดินทางไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์คกับเพื่อนอีก 7 คนนั่งโซนกลางของงานใกล้กรณีหญิงจ.พะเยา  เวลา 24.00 น. ออกจากงานและกลับถึงบ้านเวลา 03.00 น  วันที่ 30 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่าอาศัยอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน วันที่ 3 ธันวาคม เวลา 14.00 น. ผู้ป่วยและแฟนเดินทางมาขอคิวตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนในอ.แม่สาย ตามสิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง)  เมื่อได้คิวแล้วเดินทางกลับบ้านทันที เวลา 15.45 น. ผู้ป่วยและแฟนเดินทางมายังจุดตรวจ เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจ ยังไม่ได้ผล  เวลา 16.00 น. ผู้ป่วยและแฟนเดินทางกลับบ้าน และไม่ได้ออกไปไหน
          ตรวจเชื้อกลุ่มเสี่ยงสัมผัส17คน
          นพ.จักรรัฐกล่าวอีกว่า วันที่ 5 ธันวาคม เวลา 16.20 น. ผู้ป่วยและแฟนไปรพ.ตรวจโควิดอีกครั้ง โดยชำระเงินเอง ได้พบหมอเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลเก็บตัวอย่างส่งตรวจ เวลา 17.10 น. ผู้ป่วยและแฟนกลับบ้าน อยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน  วันที่ 6 ธันวาคม รับแจ้งผลตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 และโรงพยาบาลแม่สายส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์เชียงราย   ทั้งนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 9 คน เสี่ยงต่ำ 8 คน เป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอกชนใน อ.แม่สาย ขณะนี้ทีมปฏิบัติการการสอบสวนโรคติดตามผู้สัมผัสทั้งหมดเพื่อเข้ารับการตรวจซ้ำและกักตัวสังเกตอาการเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา
          เชียงรายติดอีก8ในLQ7-1นอกLQ
          วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และนพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในจ.เชียงราย ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 8 ราย  ซึ่งตรวจจากผู้ที่ผ่านเข้ามาทางจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ติดกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และอยู่ในศูนย์กักดูอาการหรือ Local Quarantine จำนวน 7 คนโดยเป็นหญิงอายุ 25 ปี 26 ปี (3 คน) 28 ปี 30 ปี 35 ปี โดยมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. และตรวจการติดเชื้อใน LQ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ส่วนอีก 1 ราย พบนอก LQ มีบ้านอยู่ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย รวมผู้ติดเชื้อใน จ.เชียงราย ทั้งหมดจำนวน 34 ราย ส่วนอีก 1 ราย เป็นหญิงสาวที่พบเชื้อนอก LQ
          ป่วยสะสม34รายเข้าใส่แมส100%
          นายประจญกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อ 7 รายแรก ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเข้าระบบที่ควบคุมได้แบบไม่มีเส้นทางสัมผัสหรือไทม์ไลน์ แต่กรณีรายที่พบนอก LQ เป็นเพื่อนบ้านหญิงสาวที่ติดเชื้อที่ จ.ราชบุรี โดยลักลอบเข้าเมือง ตามช่องทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม จากนั้นไปส่งเพื่อนที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เพื่อเดินทางกลับ จ.ราชบุรี ส่วนตัวเองเดินทางกลับพร้อมแฟนหนุ่ม ต่อมา ทราบข่าวว่าเพื่อนที่ จ.ราชบุรี ติดเชื้อ กระทั่งวันที่ 6 ธันวาคม ไปตรวจที่ โรงพยาบาลเอกชน ทราบผลเป็นบวก ก่อนเข้าตรวจที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ดังกล่าว ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตรวจเชื้อใน 8 คน ได้แก่ แฟน เพื่อน และคนใกล้ชิดรวม 5 คน พบผลเป็นลบ 2 ราย และกำลังรอผลคนใกล้ชิดอีก 3 คน ขณะที่สถานการณ์ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ทราบว่ามีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 70 รายแล้ว ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ร่วมกัน สกัดกั้นตามแนวชายแดนแล้ว
          "วันนี้เชียงรายติดเชื้อสะสม 34 ราย และจังหวัดสวมหน้ากากอนามัย 100% รวมทั้งแจ้งข้อมูลตรงไปตรงมาหาก มีเรา ก็บอกว่ามี หายแล้วเราก็บอกว่าหาย จึงอยากให้ติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องด้วย และจะร่วมกันบิ๊กคลินนิ่งเมืองครั้งใหญ่ วันที่ 10 ธันวาคม" นายประจญ กล่าว
          สาว21เพิ่งสารภาพหนีจากเมียนมา
          นพ.ทศเทพกล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อ 7 ราย ใน LQ พบว่าไม่ได้ทำงานอยู่ในโรงแรม 1G1 จ.ท่าขี้เหล็ก แต่ทำงานอยู่สถานบันเทิงอื่น แต่กรณีของหญิงสาวที่พบเชื้อนอก LQ นั้น ปิดข้อมูลมาตลอด และเพิ่งได้ให้ข้อมูลกับ เจ้าหน้าที่วันนี้ ว่าได้หลบหนีข้ามฝั่งมาทางช่องทางธรรมชาติ และไทม์ไลน์ได้ไปส่งเพื่อนชาว จ.ราชบุรี แล้วยังไปเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัล ออนเดอะฮิล 2020 ในสิงห์ปาร์ค คืนวันที่ 29 ธันวาคม อีกด้วย แต่ไปกัน คนละกลุ่มกับกลุ่มหญิงสาวหลบหนีเข้าเมืองจาก จ.ท่าขี้เหล็ก เหมือนกันโดยนั่งคนละจุด ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจหาผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูงได้ 8 คน และความเสี่ยงต่ำอีก 8 คน
          ส่วนในงานฟาร์มเฟสติวัลฯดังกล่าว รถเก็บตัวอย่างชีวภัยพระราชทานเข้าไปตรวจเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 447 ราย วันที่ 5 ธันวาคม 581 ราย วันที่ 6 ธันวาคม 375 ราย และวันที่ 7 ธันวาคม 148 ราย พบผลเป็นลบทั้งหมด ทั้งนี้ ผู้ป่วยหญิงชาว จ.เชียงใหม่ จ.พะเยา และเพื่อนชายประเภทสองที่ไปเที่ยวในงานเดียวกันอาจมีไทม์ไลน์ที่ทาบเกี่ยวกัน แต่เป็นคนละกลุ่ม ซึ่งโชคดีที่ไปเที่ยวงานในคืนเดียวกันทำให้ตรวจสอบได้ครบถ้วนแล้ว
          สำหรับอาการผู้ติดเชื้อที่เป็นหญิงนอก LQ คนล่าสุด ไม่มีอาการใดๆ อีก 7 คนจาก LQ มีเพียงบางคนที่จมูกไม่ได้กลิ่นเท่านั้น และวันที่ 9 ธันวาคม ผู้ป่วยรายแรก จะครบกำหนดรักษาและอาการหายไม่แพร่เชื้อต่อไปแล้ว จึงจะให้ออกจากโรงพยาบาล กลับภูมิลำเนาได้และวันที่ 10 ธันวาคม ก็จะหายพร้อมออกจากโรงพยาบาลอีก 2 คนตามลำดับด้วย
          ธุรกิจเชียงรายถกฟ้องคนแพร่เชื้อ
          วันเดียวกัน มีท่าทีของภาคธุรกิจใน จ.เชียงราย ต่อกรณีมีกลุ่มหญิงสาวลักลอบหนีเข้าประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติส่งผลทำให้มีการแพร่เชื้อโควิด-19 ไปหลายพื้นที่และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และบริการของ จ.เชียงราย ทำให้ผู้ประกอบ โรงแรมที่พัก ร้านอาหารและบริการของจ.เชียงราย เตรียมเรียกร้องค่าเสียหายกับกลุ่ม บุคคลที่นำเชื้อโควิด-19 ไปเพร่ในประเทศไทย ทำให้จังหวัดกังวลใจว่าจะกระทบต่อการติดตามกลุ่มคนไทยที่ยังตกค้างในฝั่งประเทศเมียนมาไม่กล้ากลับประเทศ
          โดยว่าที่ร้อยตรีณรงค์ โรจนสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวว่า กรณีนี้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.เชียงราย เป็นห่วงว่าจะกระทบภาพลักษณ์ของ จ.เชียงราย และการควบคุมโรค ซึ่งจะทำให้กลุ่มคนในประเทศเพื่อนบ้านไม่กล้ากลับมา เรื่องนี้ผู้ว่าฯเชียงราย ประสานตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และประชาสัมพันธ์ จังหวัดเชียงราย เข้าหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อหาแนวทางออกที่เหมาะสม
          พุ่งเป้ากลุ่มลักลอบเข้าปท.
          นายกิตติ ทิศสกุล ที่ปรึกสมาคมสมาพันธ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงรายกล่าวว่า การเข้ามาของกลุ่มที่ทำงานใน ต่างประเทศแล้วลักลอบเข้าประเทศโดย ไม่คำนึงถึงผลกระทบ สร้างความเสียหายต่อธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างมาก มีการยกเลิกการจองที่พัก ทัวร์และรถท่องเที่ยวไปจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายตั้งแต่วันที่ 29 พฤจิกายน มาถึงวันนี้ เสียหายมากกว่า 20 ล้านบาทแล้ว ผู้ประกอบการ จึงมีแนวคิดว่าต้องมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ให้สร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ จึงจะหารือกันวันนี้ว่า จะให้ทนายอาสาฟ้องอย่างไรบ้าง ยืนยันว่าเป็นการฟ้องเฉพาะกลุ่มที่ลักลอบเข้ามา แล้วแพร่เชื้อไปยังคนอื่น ไม่ได้หมายรวมถึงคนที่เข้ามาอย่างถูกต้องตามที่ภาครัฐกำหนด เพราะจะกักตัวไม่มีโอกาสแพร่เชื้อได้
          นายกฯยันใช้มาตรการเข้มขึ้น
          ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์โควิด-19 โดยตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนถึงความมั่นใจของรัฐบาลจะไม่ระบาดระลอก 2 ว่า ไม่ใช่รัฐบาลอย่างเดียว แต่ทุกคนต้องช่วยกัน ที่ผ่านมาเราทำได้ดี โดยตลอด กระทั่งมีคนไม่กี่คนทำให้เกิดสถานการณ์นี้เกิดขึ้น วันนี้ต้องหามาตรการเข้มขึ้นกว่าเดิม และต้องขอความร่วมมือจากสื่อ จากประชาชนโดยตรง อย่าสร้างความตื่นตระหนก เพราะรู้ว่าต้นตอมาอย่างไรก็แก้ปัญหาไป
          สั่งคัดกรอง3ชั้นไม่อยากชัตดาวน์
          "ถ้าระบาดระลอก 2 ขึ้นมา เราจะทำอย่างไร ก็ต้องเตรียมความพร้อมของเรา ถ้าถึงขั้นนั้นก็ต้องชัตดาวน์กัน ผมไม่อยากให้มันถึงจุดนั้น ทุกคนก็ต้องช่วยกันดูแล และวันนี้สั่งการให้ตรวจสอบคัดกรอง แนวที่หนึ่งคือชายแดน แนวที่สองพื้นที่ตอนใน สามระดับพื้นที่ประชาชนต้องร่วมมือสังเกตผู้ที่เข้ามาอย่างผิดปกติ ตรงนี้ได้ย้ำเตือนไปแล้ว และผมอยากจะพูดให้สังคมเข้าใจว่าวันนี้ ไม่ใช่การแพร่ระบาดระลอกที่ 2 หรือที่จะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ แต่เป็นเรื่องที่คน กลุ่มหนึ่งเข้ามา แล้วไปโน่นไปนี่ ซึ่งก็ตามทุกประเด็นเกี่ยวข้องกับใครบ้างอะไรบ้าง กำลังตรวจสอบ ใช้มาตรการทางสาธารณสุข ขณะนี้ รอผลตรวจสอบอยู่ อย่าเพิ่งไปตื่นตระหนกกันมาก เพราะจะทำให้ทุกอย่างกลับไปเลวร้าย กว่าเดิม ขอความกรุณาให้สื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ด้วย เราต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น ไม่ใช่สร้างความตื่นตระหนกทุกเรื่อง มันคือปัญหาที่เราทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น ขอให้ช่วยกันหน่อย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
          เฝ้าระวัง-ฟันพวกลอบหนีเข้าเมือง
          และว่า วันนี้ตนให้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชี้แจงทุกวันถึงความก้าวหน้า และวันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาลงพื้นที่ภาคเหนือเพื่อติดตามสถานการณ์ ไม่ให้ธุรกิจท่องเที่ยวแย่ลงกว่าเดิม เพราะสัปดาห์ ที่ผ่านมายกเลิกจองโรงแรมมากมาย เพราะข่าวเสนอกันไปกระทั่งทุกคนเกรงว่าจะเป็น ซูเปอร์สเปรดเดอร์ มันไม่ใช่
          ดังนั้น การเสนอข่าวต้องตามสมควร ไม่ได้ให้ปิดบังอะไร เสนอว่ารัฐบาลหรือ หน่วยงานได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง อย่างไรก็ตาม ขอย้ำเตือนบุคคลที่ให้การช่วยเหลือคนเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติมีความผิดทุกคน เพราะต้องจับกุมดำเนินคดี ขณะเดียวกัน เรามีนโยบายถ้าจะเข้ามาก็ขอให้เข้ามาช่องทาง ถูกกฎหมาย เพื่อเข้าระบบตรวจสอบคัดกรอง ป้องกันไม่ให้การระบาดเกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังพื้นที่รอบบ้านให้มากที่สุด ตนย้ำเตือนที่ประชุมไปแล้ว ให้ทุกหน่วยงานระมัดระวังที่สุด รอบบ้านสถานการณ์ไม่ดีนัก เราจึงต้องตรวจสอบคัดกรองให้ดีที่สุด ทั้งช่องทางปกติและป้องกันช่องทางธรรมชาติ วันนี้เข้มงวดทุกประการ ขอให้เห็นใจ เจ้าหน้าที่ทำงานหนัก ด้วยคนไม่กี่คนทำให้ทุกอย่างเสียหาย คนเหล่านี้ต้องถูก ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
          อนุทินหนุนผู้ประกอบการฟ้อง20ล.
          สอดคล้องกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขที่ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขและฝ่ายปกครองพยายามตรึงสถานการณ์ไว้อยู่ ส่วนในจังหวัดที่ระบาดจะล็อกดาวน์หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการระบาด มีเพียงผู้ติดเชื้อ นำเชื้อเข้ามาจากนอกประเทศ และผู้ที่พบติดเชื้อเป็นคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้นำเชื้อเข้ามา ไม่ได้เป็นการระบาดแบบแพร่กระจาย จนควบคุมไม่ได้ ตอนนี้จุดเริ่มต้นของเชื้อมาจากผู้เดินทางกลับจากท่าขี้เหล็ก ที่เป็นปัญหาขณะนี้เพราะคนลักลอบเข้าเมือง เนื่องจากไม่ต้องการกักตัวในที่กักกันโรค เป็นการเห็นแก่ตัว ไร้สำนึกความรับผิดชอบ ส่งผลกระทบกับทุกคน ซึ่งการจัดการคนหนีเข้าเมืองนั้น ปกติมีกฎหมายอยู่แล้ว รวมถึง ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วราชอาณาจักรและพ.ร.บ.โรคติดต่อแห่งชาติ ส่วนกรณีกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจในจ.เชียงรายเตรียมฟ้องค่าเสียหาย 20 ล้านบาท กับผู้ที่นำ โควิด-19 เข้าประเทศว่า ฟ้องเลยควรจะฟ้อง แต่รัฐบาลจะไม่ทำ ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายของแต่ละคน คนที่ทำผิดกฎหมายทำความเดือดร้อน ไม่รับผิดชอบ ถ้ามีใครดำเนินการ ตามกฎหมายได้ก็ทำได้อยู่แล้ว ส่วนรัฐบาล ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน ไม่เช่นนั้น จะไม่หลาบจำ
          รับนทท.ต่างชาติแต่ต้องกักตัว14วัน
          น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนให้ชาวต่างชาติเข้ามา พำนักในประเทศไทย ผ่านมาตรการ นักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV) ที่ต้องการมาพำนักระยะยาว (Long Stay) และนักท่องเที่ยวและลูกเรือที่เดินทางเข้าไทยโดยเรือสำราญและกีฬา หรือ เรือยอชต์ โดยมีเงื่อนไข คือ ต้องเป็น นักท่องเที่ยวมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ตามการจัดกลุ่มประเทศด้านการแพทย์และสาธารณสุขสำหรับการผ่อนคลายผู้ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินเข้าประเทศไทยน้อยกว่าเป้าหมายที่กำหนด คือ มีเพียง 825 คน จาก 29 สัญชาติ และมีเรือยอชต์ เข้าไทย จำนวน 6 ลำเท่านั้น
          ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ นักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศเพิ่มขึ้น ครม.จึงมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่..) รวม 2 ฉบับ ซึ่งทั้ง 2 ฉบับ เป็นการยกเลือกเงื่อนไขกรณีการเดินทางมาพำนักระยะยาว สำหรับบุคคลต่างด้าวที่เป็นนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (STV) และการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวโดยเรือเรือยอชต์ โดยไม่จำกัดประเทศ จากเดิมที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศเสี่ยงต่ำ ตามการจัดกลุ่มประเทศด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงขยายระยะเวลาขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (STV) ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองให้แก่คนต่างด้าวที่มากับเรือยอชต์ ออกไปอีก 30 วัน นับจากวันที่ประกาศฉบับนี้บังคับใช้ อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่อนปรนในเรื่องดังกล่าว นักท่องเที่ยวทั้งสองกลุ่มยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการขอวีซ่าของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด อาทิ แจ้งที่พำนักในประเทศไทยให้ชัดเจน และต้องยินยอมที่จะกักตัว 14 วัน
          ไฟเขียวใช้สนามกอล์ฟกักตัวต่างชาติ
          วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 เรื่อง หลักเกณฑ์แนวทางการกำหนดสถานกักกันในกิจการกอล์ฟ (Golf Quarantine) ลงนามโดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยใจความประกาศให้ใช้สนามกอล์ฟ เป็นสถานที่กักกันตัวนักกอล์ฟชาวต่างชาติรวมผู้ติดตามที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้ามาออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬากอล์ฟ (ออกรอบ) และทำกิจกรรมด้านสุขภาพพร้อมกับการกักกันตัว โดยทำกิจกรรมตามรายการจัดให้บริการที่กำหนด ซึ่งได้มีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าโดยให้กิจการกอล์ฟเป็นสถานที่กักกัน เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกับการเล่นกีฬากอล์ฟ (ออกรอบ) และทำกิจกรรมด้านสุขภาพ เป็นระยะเวลาตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)กำหนด โดยชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่างการทำกิจกรรมตามรายการจัดให้บริการที่กำหนดและกักกันตนโดยสมัครใจ


pageview  1210911    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved