อย. แจงชัดอนุญาต ใช้กัญชา-กัญชงเชิงพาณิชย์แล้ว ประเดิมในเครื่องสำอาง พร้อมเร่งทยอยออกกฎหมายใช้กัญชา-กัญชง ในผลิตภัณฑ์ อื่น แต่ต้องใช้วัตถุดิบในประเทศ หวังสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจ รับเอกชนสนใจอื้อ CBG, DOD, DDD, ลิโพ ส่งคนร่วมอบรม
          ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า อย. ได้ออกกฎหมายให้สามารถนำกัญชาและกัญชง ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ โดยกฎหมายฉบับแรกประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การใช้กัญชง-กัญชา ในเครื่องสำอาง มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา
          โดย อย. จะทยอยปลดล็อก รวมถึงออกกฎหมายการใช้กัญชา-กัญชงในผลิตภัณฑ์สุขภาพ อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องสำอาง สมุนไพร และยา ให้มีผลใช้บังคับต่อไป เพื่อเปิดกว้างให้ประชาชนสามารถนำไปสร้างรายได้และเศรษฐกิจได้ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของภาครัฐบาลที่อยากให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ให้การสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน เกษตรกร ในการปลูกและรับซื้อ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน รวมถึงการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจอย่างครบวงจร
          "ประกาศที่ออกมาล่าสุดนั้น ผู้ประกอบการจะสามารถใช้น้ำมันกัญชง ที่มีสารทีเอชซี (THC) ไม่เกิน 0.2% สารสกัดซีบีดี (CBD) จากเมล็ดกัญชง และส่วนต่างๆ ที่ไม่ใช่ช่อดอก หรือเมล็ด ซึ่งยังเป็นยาเสพติด ไปใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางได้ทุกชนิดตามเงื่อนไขที่กำหนด โดย อย. จะพยายามออกกฎหมายให้ใช้ทุกส่วนของกัญชาและกัญชงให้เกิดประโยชน์สูงสุด"
          รองเลขาธิการ อย. ยอมรับว่า มีผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงผู้ประกอบการในอุตสาหรรมเครื่องสำอาง อาทิ คาราบาว, ลิโพ, DDD, DOD ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอบรมกับทาง อย. อย่างต่อเนื่อง โดยในการผลิตมีกฎเกณฑ์ ไม่อนุญาตให้นำเข้ากัญชา, กัญชงจากต่างประเทศเข้ามาสกัด แต่อนุญาตให้ส่งออกสารสกัดรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้จากพืชทั้ง 2 ชนิดได้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ประกอบการ, เกษตรกรในประเทศ
          ขอปลูกล็อตใหญ่ 29 ม.ค.นี้
          โดยในวันที่ 29 มกราคม 2564 จะเริ่มให้ประชาชน ผู้ประกอบการที่มีความสนใจมาขออนุญาตปลูกต้นกัญชงในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ แต่จะต้องมีผู้รับซื้อที่ชัดเจน ไม่อนุญาตให้ปลูกโดยยังไม่มีแหล่งรับซื้อ โดยระยะเวลาในการปลูกประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นจึงจะเริ่มพัฒนาสายพันธุ์ให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละราย
          "ขั้นตอนต่างๆ คงสอดคล้องกันไประหว่างการปลดล็อก, ออกกฎหมายอนุญาตให้นำสารสกัด และส่วนต่างๆ ของกัญชง กัญชาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ กับผลผลิตที่จะทยอยออกมา คาดว่าครึ่งหลังของปีนี้น่าจะมีความชัดเจนขึ้น และ ผู้ประกอบการแต่ละรายก็จะเริ่มวางแผนการนำสารสกัด และส่วนต่างๆ ไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ของตนเอง"