จากกรณีที่พบทารกอายุ 26 วัน ติดเชื้อโควิด-19 ที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งพบว่าเป็นการติดเชื้อจากการสัมผัส ไม่ได้ติดมาจากการคลอดนั้น
          นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่า สำหรับการเฝ้าระวังในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษแล้ว ทารกแรกเกิดถือเป็นอีกกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าเชื้อโควิด-19 ปัจจุบันนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่สามารถยืนยันได้ว่ามีการแพร่เชื้อโควิด-19 จากแม่สู่ลูกในครรภ์ แต่มีรายงานการติดเชื้อโควิด-19 ของทารกแรกเกิด ร้อยละ 4 โดยคาดว่าเกิดจากการติดเชื้อในช่วงหลังคลอด จากการสัมผัสสารคัดหลั่งจากแม่ที่ติดเชื้อ
          สำหรับกรณีที่แม่เป็นผู้เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อหรือได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 นั้น สามารถให้นมลูกได้ ซึ่งองค์การอนามัยโลกและองค์การทุน เพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ มีคำแนะนำว่า หากแม่ที่ติดเชื้อมีอาการไม่มาก สามารถให้นมจากเต้าได้ก็ควรทำ แต่ต้องมีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้ออย่างเคร่งครัดโดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมืออย่างถูกวิธี ห้ามใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า จมูก หรือปาก รวมถึงการหอมแก้มลูก
          ทั้งนี้ ควรให้แม่และครอบครัวมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ หากแม่ไม่สะดวกที่จะให้นมจากเต้า แต่ยังสามารถบีบเก็บน้ำนมได้ ควรให้พ่อหรือผู้ช่วยเป็นผู้ป้อนนมแก่ลูกแทน โดยผู้ช่วยจะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพดี มีทักษะ ความรู้และเข้าใจหลักการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้ออย่างเคร่งครัด ในกรณีที่แม่ติดเชื้อมีอาการรุนแรง แนะนำงดให้นมบุตร และอาจบีบน้ำนมทิ้งไปก่อนเพื่อให้แม่คงสภาพที่สามารถให้นมลูกได้เมื่ออาการดีขึ้น ทารกที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อโควิด-19 จัดเป็นผู้มีความเสี่ยงจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อและสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน
          จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค โควิด-19 การส่งเสริมให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ยังคงสำคัญ เพราะนมแม่ถือเป็นอาหารที่ดีมีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเด็ก และสร้างภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งก่อนการให้นมลูกทุกครั้งควรเช็ดทำความสะอาดบริเวณเต้านม และหัวนมด้วยน้ำสบู่ และล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างน้อย 20 วินาที รวมทั้งสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ให้นมบุตรก็จะช่วยสร้างเกราะป้องกันระหว่างแม่และลูกได้