เอกชนสนใจปรุง 5 ตำรับยากัญชาแผนไทย อย.คาดอีก 1-2 เดือน ทยอยยื่นเอกสารขอผลิต
          เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ.2564 โดยปลดตำรับยากัญชาแผนไทย 5 ตำรับ ที่มีส่วนประกอบของใบและกิ่งก้านกัญชาจากบัญชีตำรับยาเสพติดให้โทษ ได้แก่ ยาศุขไสยาศน์ ยาแก้นอนไม่หลับ/ยาแก้ไข้ผอมเหลือง ยาแก้ลมแก้เส้น ยาทาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง และยาแก้โรคจิต ให้ภาคเอกชนขอผลิตยาดังกล่าว ได้ที่กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ขณะที่ประชาชนสามารถใช้ใบกัญชา กัญชงไปประกอบอาหารโดยไม่ต้องขออนุญาตและทำรายงานส่ง อย. แต่ขอให้ใบมาจากแหล่งที่ถูกกฎหมาย ส่วนของการแปรรูปกัญชา กัญชง เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่าย ต้องขอเลข อย.ก่อน ที่สำคัญ ผู้ปรุงอาหารไม่จำเป็นต้องผ่านหลักสูตรอบรม สามารถขายเมนูอาหารจากกัญชาในร้านอาหารได้นั้น
          ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จนถึงวันนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดไปยื่นขอผลิตยาแผนไทยทั้ง 5 ตำรับ กับ อย. ทั้งนี้ เนื่องจากทั้ง 5 ตำรับ ถือเป็นยาแผนโบราณ และมีส่วนผสมหลายตัว ที่ผ่านมามีเพียงหน่วยงานภาครัฐ คือ หน่วยงานในสังกัดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก องค์การเภสัชกรรม (อภ.) หรือโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้นที่ผลิตได้ ดังนั้น จึงต้องให้เวลาภาคเอกชนที่มีโรงงานผลิตยาแผนโบราณได้เตรียมตัว เพื่อยื่นเอกสารขออนุญาตกับ อย.
          "เท่าที่ทราบขณะนี้มีเอกชนหลายรายที่ให้ความสนใจ เพราะมีโรงงานผลิตยาแผน โบราณอื่นๆ อยู่แล้ว เพียงแต่การผลิตยาทั้ง 5 ตำรับนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ของภาคเอกชน ต้องให้เวลาเตรียมทั้งเรื่องข้อมูล เอกสาร และวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ผลิต ล่าสุด มีการหารือกับนายกสมาคมผู้ผลิตยาแผนโบราณ ขณะนี้มีหลายเจ้าสนใจคาดว่าในช่วง 1-2 เดือนนี้ จะมีเข้ามายื่นขอกับ อย.แน่นอน และภายในปีนี้น่าจะมียาทั้ง 5 ตำรับ ออกมาจำหน่ายในท้องตลาดเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะยาศุขไสยาศน์มีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับ เจริญอาหาร และมีปริมาณการใช้สูง" รองเลขาธิการ อย.กล่าว
          ภญ.สุภัทรากล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนยังมีความกังวลว่า หากจะนำส่วนของใบและกิ่งก้านกัญชามาใช้ประโยชน์ จะสามารถจัดหาวัตถุดิบที่ถูกต้องตามกฎหมายได้อย่างไร เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด อย.อยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งปลูกกัญชาที่ถูกกฎหมาย เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนได้ติดต่อซื้อขายกันได้ง่ายขึ้นต่อไป
          ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ประชาชนเกิดความสับสนการนำกัญชามาปรุงประกอบอาหารในเมนูต่างๆ  รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า การนำกัญชามาปรุงประกอบอาหารในเมนูต่างๆ ผู้ปรุง หรือ ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องผ่านการอบรม หรือมีใบรับรองใดๆ สามารถนำส่วนของใบ กิ่ง ก้านของกัญชามาปรุงประกอบอาหารได้เลย แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้วัตถุดิบกัญชาที่มาจากแหล่งปลูกที่ถูกกฎหมาย เท่านั้น
          "เป็นเจตนาที่ดีของโรงพยาบาล (รพ.) เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่เปิดอบรมการปรุงเมนูอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาให้ประชาชนที่สนใจเรียนรู้เพื่อให้ทราบถึงสัดส่วนกัญชาที่ใช้ในแต่ละเมนูอาหารเท่านั้น ใครจะไปเข้าคอร์สหรือไม่เข้าก็ได้  ขอเพียงใช้กัญชาจากแหล่งที่ถูกกฎหมายเท่านั้น" ภญ.สุภัทรากล่าว
          นายมารุต ชุ่มขุนทด ผู้บริหาร บริษัท คลาส คาเฟ่ จำกัด ใน จ.นครราชสีมา กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากใบกัญชามาแปรรูปเป็นเมนูอาหารว่า ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หรือ มทส. จังหวัดนครราชสีมา หลังมหาวิทยาลัยได้รับใบอนุญาตจาก อย.ให้ครอบคลุมการใช้ประโยชน์กัญชาในส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพติดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2563 นำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอาหารและเครื่องดื่ม ทางบริษัท คลาส คอฟฟี่ จำกัด เป็นภาคเอกชนรายที่ 2 ได้รับใบกัญชาจากมหาวิทยาลัยส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพติด จำนวน 10 กิโลกรัม ไปทำเมนูอาหารและเครื่องดื่ม
          "ถือเป็นการนำผลผลิตกัญชามาต่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับ จ.นครราชสีมา ได้ด้วย การที่นำกัญชาเข้ามาเป็นส่วนผสมในเมนูอาหารและเครื่องดื่มเพื่อต้องการกระจายงานวิจัยออกสู่สาธารณะ และเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่เปิดจำหน่ายเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาที่ร้านคลาสคาเฟ่ 4 สาขา ในตัวเมืองนครราชสีมา ได้แก่ คลาส คาเฟ่ สาขาวัดบูรพ์, คลาส คาเฟ่ สาขามหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สุรนารี, คลาส คาเฟ่ สาขาหน้าย่าโม และคลาส คาเฟ่ สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ร่วมมือจากทาง มทส.จัดทีมช่วยเหลือเป็น 2 ทีม ได้แก่ ทีมฟาร์ม คอยดูแลด้านการปลูก การดูแล และเก็บผลผลิต กับทีมคลาส คาเฟ่ ได้น้องนักศึกษาที่จบมาจาก มทส. มีความรู้ในด้านนี้โดยตรงช่วยคิดค้นเมนูต่างๆ ให้กับทางร้าน เพราะกัญชามีรายละเอียดต่างๆ ที่ซับซ้อน ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลให้อยู่ในปริมาณที่ควรจะได้รับ
          เบื้องต้นมี 3 เมนูแรกที่เปิดตัวคือ อเมริกาโน่ กาแฟดำผสมกัญชา, มัทฉะ ชาเขียวผสมกัญชา และชากัญชาเพียว ภายใต้แบรนด์ KhaoYai CALM ในช่วงแรกทางร้านจะลงเมนูกัญชาเพียงแค่ 4 สาขา เพื่อทดลองจำหน่ายและเก็บข้อมูลไปพัฒนาต่อยอด ต่อจากนี้ไปจะนำออกจำหน่ายในร้านคลาส คาเฟ่ ทั้ง 20 สาขา อย่างแน่นอน ส่วนเมนูอาหารว่างที่มีส่วนผสมกัญชา จะเป็น เบเกอร์ และคุกกี้ เป็นต้น
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นางณิชรัศม์ แลวงค์นิล หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง ให้การต้อนรับเครือข่าย ผู้ป่วยและผู้สนใจในการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชากลุ่มแรกเข้าเยี่ยมชมแปลงปลูกกัญชาวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา ตั้งอยู่ใน ต.แม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
          โดยประชาชนกลุ่มแรกที่เที่ยวชมได้ชำระเงินแบบเหมาจ่าย 1,000 บาทต่อคน เพื่อร่วมกิจกรรม ตามรูปแบบการท่องเที่ยว ที่ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้มุ่งจะพัฒนาให้แปลงลูกกัญชา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิชาการ และให้ความรู้ทั้งการปลูกในโรงเรือน และปลูกนอกโรงเรือน ผู้ที่เข้ามาชมจะได้รับการดูแลตั้งแต่มื้อเช้า ในรูปแบบ Canabis Breakfast ด้วย ขนมปังแพนมีส่วนผสมของกัญชา เสิร์ฟพร้อมกับน้ำชากัญชาร้อนหอมกรุ่น จากนั้นจะพาเที่ยวในรูปแบบ Canabis Tourism ในแปลงปลูกกัญชา ได้สัมผัสบรรยากาศที่หอมหวลของกลิ่นพืชกัญชา ถ่ายรูปกับต้นกัญชาภายในสวนที่สูงถึง 3 เมตร ได้ทุกต้นทุกแปลง ส่วนการจัดมื้อเที่ยง เป็นเมนูสปาเกตตีผัดขี้เมา มีส่วนผสมของพืชกัญชา รสเข้ม เผ็ดร้อน อิ่มอร่อย และปิดท้ายด้วย ขนมปังบริโอช (Mini Brioche) มีส่วนผสมของกัญชา ราดซอสครีมมะนาว เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องดื่มน้ำผึ้งมะนาว เพื่อเพิ่มความสดชื่น และเจือจางกัญชาในร่างกาย