|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 19/05/2564 ] |
|
|
|
|
ส่องโรคไขสุขภาพ ทาเล็บสีแดง โอกาสแพ้สูง |
|
|
|
|
กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง ออกโรงเตือนอันตรายจากการใช้ "น้ำยาทาเล็บ" ซึ่งเป็นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง เนื่องจากพบอุบัติการณ์ ร้อยละ 1-3 ในผู้ใช้บริการและผู้ที่ประกอบอาชีพ โดยเฉพาะสีแดง พร้อมแนะนำวิธีป้องกันและการรักษาที่ถูกวิธี
ทั้งนี้ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า จากการติดตามข่าวการทาสีเล็บโดยทั่วไป พบว่าสีที่มีการแพ้บ่อยคือ "สีแดง" โดยสารเคมีที่พบการแพ้บ่อยที่สุดคือ โทซิลาไมด์ ฟอร์มาดีไฮด์เลซิน เบนโซฟรีโนน ไดบิลทิลทาลเลตฟอร์มาดีไฮด์ ส่วนการต่อเล็บแบบอะคริลิค มักแพ้ส่วนประกอบของกาว เรียกว่า cyanoacrylate ส่วนประกอบในขั้นตอนการรองพื้น และขั้นตอนการเคลือบเล็บสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้บ่อย คือ methacrylate ส่วนการทาสีเจล มีสาร methacrylate ก่อภูมิแพ้เช่นเดียวกับการต่อเล็บอะคริลิค
ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับอาการแพ้นั้น สังเกตได้หลังจากทาเล็บไปประมาณ 1-2 วัน ซึ่งจะพบว่ารอบเล็บที่แพ้จะบวม แดง คัน ชาที่ปลายนิ้ว รวมถึงบริเวณที่เล็บไปสัมผัส เช่น รอบตา ริมฝีปาก ใบหน้า ลำคอ เป็นต้น เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้ไปสัมผัสบริเวณดังกล่าว ในการต่อเล็บอะคริลิค และการทาสีเจล อาจมีอาการเล็บแห้ง หลุด ลอก เล็บเปลี่ยนสีได้
ทั้งนี้ สถาบันโรคผิวหนังมีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า การป้องกันคือ หลีกเลี่ยงการทาสีที่แพ้ การเลือกน้ำยาทาเล็บที่ปลอดสารเคมี การรักษาสามารถทำได้โดยการทายาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบ การเคลือบปกป้องผิวด้วยครีมบำรุงเพื่อปกป้องชั้นผิวหนังกำพร้าจากการสัมผัสสารเคมี และสามารถทำการทดสอบผื่นแพ้สัมผัส patch test ที่อ่านผลโดยแพทย์ผิวหนัง |
| | |
|
| |
|
pageview 1210880 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |