แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยมีการนำพิษงูมาเป็นส่วนผสมในการผลิตยารักษาโรคแล้ว แต่ลักษณะทางเคมีในพิษงูนั้นอันตรายเกินกว่าที่จะนำมาใช้สำหรับการบริโภค อย่างไรก็ตาม ผลจากงานวิจัยล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสารเนเจอร์ คอมมูนิเคชัน ชี้ให้เห็นว่าในอนาคต อาจสามารถนำพิษงูมาเป็นส่วนผสมที่ดีในการผลิตยาสำหรับรักษาโรคในมนุษย์ได้
          ผลของงานวิจัยชิ้นดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า คนเราสามารถนำเอาพิษบางส่วนในร่างกายของงูและสัตว์จำพวกจิ้งจกหรือตุ๊กแกที่มีพิษมาใช้ประโยชน์ได้อย่างปลอดภัย โดยนักวิจัยเปรียบเทียบยีนในสัตว์เลื้อยคลานมีพิษอย่างงู จิ้งจก และตุ๊กแก เพื่อศึกษาพัฒนาการของพิษในสัตว์แต่ละชนิดและพบว่ามีกระบวนการวิวัฒนาการที่ซับซ้อนที่ทำให้สามารถพัฒนาพิษเพื่อเอาชนะความต้านทานของสัตว์ที่เป็นเหยื่อได้ รวมถึงพัฒนาการในการดึงพิษไปใช้ในอวัยวะส่วนอื่นๆ ของตัวมันเอง
          ดร.โวล์ฟกัง วัสเตอร์ จากมหาวิทยาลัยบังกอร์ ประเทศอังกฤษ ระบุว่าพิษงูหลายๆ ชนิดมีประสิทธิภาพแบบเดียวกับที่แพทย์ต้องการใช้กับอาการต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการทางการแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น พิษงู ซึ่งส่งผลต่อระบบหัวใจ ระบบเลือดของเหยื่อนั้นทำหน้าที่เดียวกับยาที่ใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับความดันเลือด ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์จำเป็นที่จะต้องคิดค้นและพัฒนาหาวิธีขจัดผลกระทบจากความเป็นพิษออกให้เหลือไว้เพียงประสิทธิภาพในการรักษา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมในงานวิจัยเชื่อว่าธรรมชาติได้สร้างกระบวนการเหล่านั้นแล้ว ซึ่งจะเป็นขุมทรัพย์แห่งใหม่ที่จะผลิตยารักษาโรคได้อีกในอนาคต