นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก กล่าวว่า  รพ.อุ้มผาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ตาก สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ได้ทำการตรวจสอบหาสารตะกั่วในเด็กอายุ 1-8 ขวบ จำนวน 400 คน พบว่าเด็กร้อยละ 68 มีสารตะกั่วสูงเกินค่าปกติ ซึ่งค่าปกติอยู่ที่ 10 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร โดยพบว่า 12 คนในจำนวนดังกล่าวมีค่าตะกั่วสูงราว 50-60 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร ซึ่งเป็นค่าตะกั่วที่จำเป็นต้องรักษาทันที ไม่เช่นนั้นจะเกิดพิษเฉียบพลัน และยังพบว่าร้อยละ 28 มีผลต่อการพัฒนาสติปัญหา หรือเรียกว่า "สมองทึบ"
          นพ.วรวิทย์กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบล่าสุดทราบสาเหตุ การปนเปื้อนแล้ว จากเดิมสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากภาชนะประกอบอาหาร จึงได้ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการหาสารตะกั่ว พบว่า ภาชนะประกอบอาหารที่ชาวกะเหรี่ยงนำมาใช้เป็นจำพวกหม้อแขก ซึ่งพบ สารตะกั่วปนเปื้อนจริง ตั้งแต่ 360-890 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จากปกติต้องมีค่าเป็นศูนย์ โดยภาชนะดังกล่าว พบว่านำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
          "รพ.อุ้มผาง มีแนวคิดรณรงค์ให้ชาวบ้านนำหม้อที่มีสารตะกั่วไปแลกกับหม้อปลอดสารตะกั่ว โดยขณะนี้เตรียมจัดตั้งกองทุนเพื่อจัดหาและจัดซื้อภาชนะที่ปลอดภัยให้กับประชาชนที่ยากจน ไม่ใช่แค่ชาวกะเหรี่ยงเท่านั้น เบื้องต้นจะแลกหม้อให้กับชาวกะเหรี่ยง 8,400 ครัวเรือนก่อน โดยจะเปิดกองทุนให้ผู้ที่มีจิตเมตตาช่วยกันบริจาค และขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกและตรวจสอบความปลอดภัยของหม้อที่จะนำไปแลก ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้" นพ.วรวิทย์กล่าว