|
|
|
หนังสือพิมพ์ข่าวสด [ วันที่ 02/06/2564 ] |
|
|
|
|
สธ.พม่าล่ม-โควิดโลกพุ่ง170ล้าน |
|
|
|
|
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. รอยเตอร์รายงานการล่มสลายของระบบสาธารณสุขในเมียนมา หลังเกิดการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมาที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อ 1 ก.พ. กับกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (พีดีเอฟ) ที่สถาปนาขึ้นโดยการรวมตัวกันของกองกำลังชาติพันธุ์ภายใต้ธงรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (เอ็นยูจี) ของฝ่ายประชาธิปไตย ท่ามกลางการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 เข้าสู่สภาวะไร้ทิศทาง ระบบการตรวจหาและรักษาผู้ติดเชื้อแทบไม่สามารถทำงานได้
โรงพยาบาลหลายแห่งในเมียนมาขาดแคลนออกซิเจนผู้ป่วยวิกฤต เจ้าหน้าที่การแพทย์ บางส่วนทำได้เพียงปลอบโยนผู้ป่วยและให้ยาแก้ปวด เนื่องจากขาดแคลนทั้งเวชภัณฑ์ รถพยาบาล แพทย์ และไฟฟ้า เช่น ที่โรงพยาบาลจังหวัดซิคคา รัฐชิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เหลือเจ้าหน้าที่เพียง 11 คน ปฏิบัติงานได้เพียง 3 คน ดูแลประชาชนกว่า 1 หมื่นคน
นายสเตฟาน พอล โจสต์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำเมียนมา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่การแพทย์เสียชีวิตจากการสู้รบแล้ว 3 ราย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยถูกโจมตี 179 ครั้ง เจ้าหน้าที่การแพทย์ถูกเผด็จการทหารเมียนมาจับกุมอย่างน้อย 150 คน ในข้อหายุยงปลุกปั่นและเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านยึดอำนาจ นำไปสู่การหยุดงานประท้วงของแพทย์จำนวนมาก
ด้านระบบการตรวจหาผู้ติดเชื้อลดลงชัดเจนเหลือเพียง 1,200 ครั้งต่อวัน จากเดิมกว่า 17,000 ครั้งต่อวันในช่วงรัฐบาลประชาธิปไตยครึ่งใบของนางออง ซาน ซู จี ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายวันในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,200 คน
แต่หลายฝ่ายมองว่าข้อมูลอาจไม่สะท้อนข้อเท็จจริงในพื้นที่ ขณะที่บรรดาหน่วยงานสาธารณสุขบริเวณพื้นที่ติดกับชายแดนอินเดียเผชิญกับแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มจำนวนต่อเนื่อง โดยกังวลว่าอาจเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่พบในอินเดีย (บี.1.617.2) แต่ไม่มีอุปกรณ์ตรวจ และ โรงพยาบาลบางแห่งพยายามนำเครื่องพ่นละอองยาขยายหลอดลมมาใช้บรรเทาผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจน แต่เครื่องทำงานได้เพียง 2 ชั่วโมงต่อวันที่กระแสไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้
นายโจสต์ระบุว่า WHO ระหว่างพยายามติดต่อทางการเมียนมาเพื่อส่งความช่วยเหลือเข้าไปแต่ยอมรับว่าสถานการณ์มีความยากลำบากมาก หากการสู้รบยังทวีความรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่
ด้านความคืบหน้าสถานการณ์ในเวียดนามหลังพบไวรัสก่อโรคโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนพันธุกรรมระหว่างเชื้อกลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ (บี.1.1.7) กับที่พบในอินเดีย ล่าสุดทางการนครโฮจิมินห์ประกาศใช้มาตรการชะลอการระบาดและเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ 31 พ.ค. เป็นต้นไป ขณะที่นครกวางโจว ภาคใต้ของจีนที่เพิ่งล็อกดาวน์ไปทางการจีนอยู่ระหว่างระดมการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบบ้านต่อบ้าน
สถานการณ์การระบาดรอบใหม่ในเอเชียเกิดขึ้นท่ามกลางภาวะการติดเชื้อที่เริ่มลดลง ทั่วโลก แต่ยังมีหลายพื้นที่ที่ยังพบการระบาดสูง อาทิ เยอรมนี พบผู้ติดเชื้อใหม่ 3,852 คน เสียชีวิตเพิ่ม 56 ราย และอินเดีย พบผู้ติดเชื้อใหม่ 165,553 คน เสียชีวิตเพิ่ม 3,460 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกใกล้ทะลุ 170 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 3.5 ล้านราย |
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. รอยเตอร์รายงานการล่มสลายของระบบสาธารณสุขในเมียนมา หลังเกิดการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมาที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อ 1 ก.พ. กับกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (พีดีเอฟ) ที่สถาปนาขึ้นโดยการรวมตัวกันของกองกำลังชาติพันธุ์ภายใต้ธงรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (เอ็นยูจี) ของฝ่ายประชาธิปไตย ท่ามกลางการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 เข้าสู่สภาวะไร้ทิศทาง ระบบการตรวจหาและรักษาผู้ติดเชื้อแทบไม่สามารถทำงานได้
โรงพยาบาลหลายแห่งในเมียนมาขาดแคลนออกซิเจนผู้ป่วยวิกฤต เจ้าหน้าที่การแพทย์ บางส่วนทำได้เพียงปลอบโยนผู้ป่วยและให้ยาแก้ปวด เนื่องจากขาดแคลนทั้งเวชภัณฑ์ รถพยาบาล แพทย์ และไฟฟ้า เช่น ที่โรงพยาบาลจังหวัดซิคคา รัฐชิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เหลือเจ้าหน้าที่เพียง 11 คน ปฏิบัติงานได้เพียง 3 คน ดูแลประชาชนกว่า 1 หมื่นคน
นายสเตฟาน พอล โจสต์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำเมียนมา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่การแพทย์เสียชีวิตจากการสู้รบแล้ว 3 ราย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยถูกโจมตี 179 ครั้ง เจ้าหน้าที่การแพทย์ถูกเผด็จการทหารเมียนมาจับกุมอย่างน้อย 150 คน ในข้อหายุยงปลุกปั่นและเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านยึดอำนาจ นำไปสู่การหยุดงานประท้วงของแพทย์จำนวนมาก
ด้านระบบการตรวจหาผู้ติดเชื้อลดลงชัดเจนเหลือเพียง 1,200 ครั้งต่อวัน จากเดิมกว่า 17,000 ครั้งต่อวันในช่วงรัฐบาลประชาธิปไตยครึ่งใบของนางออง ซาน ซู จี ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายวันในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,200 คน
แต่หลายฝ่ายมองว่าข้อมูลอาจไม่สะท้อนข้อเท็จจริงในพื้นที่ ขณะที่บรรดาหน่วยงานสาธารณสุขบริเวณพื้นที่ติดกับชายแดนอินเดียเผชิญกับแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มจำนวนต่อเนื่อง โดยกังวลว่าอาจเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่พบในอินเดีย (บี.1.617.2) แต่ไม่มีอุปกรณ์ตรวจ และ โรงพยาบาลบางแห่งพยายามนำเครื่องพ่นละอองยาขยายหลอดลมมาใช้บรรเทาผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจน แต่เครื่องทำงานได้เพียง 2 ชั่วโมงต่อวันที่กระแสไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้
นายโจสต์ระบุว่า WHO ระหว่างพยายามติดต่อทางการเมียนมาเพื่อส่งความช่วยเหลือเข้าไปแต่ยอมรับว่าสถานการณ์มีความยากลำบากมาก หากการสู้รบยังทวีความรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่
ด้านความคืบหน้าสถานการณ์ในเวียดนามหลังพบไวรัสก่อโรคโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนพันธุกรรมระหว่างเชื้อกลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ (บี.1.1.7) กับที่พบในอินเดีย ล่าสุดทางการนครโฮจิมินห์ประกาศใช้มาตรการชะลอการระบาดและเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ 31 พ.ค. เป็นต้นไป ขณะที่นครกวางโจว ภาคใต้ของจีนที่เพิ่งล็อกดาวน์ไปทางการจีนอยู่ระหว่างระดมการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบบ้านต่อบ้าน
สถานการณ์การระบาดรอบใหม่ในเอเชียเกิดขึ้นท่ามกลางภาวะการติดเชื้อที่เริ่มลดลง ทั่วโลก แต่ยังมีหลายพื้นที่ที่ยังพบการระบาดสูง อาทิ เยอรมนี พบผู้ติดเชื้อใหม่ 3,852 คน เสียชีวิตเพิ่ม 56 ราย และอินเดีย พบผู้ติดเชื้อใหม่ 165,553 คน เสียชีวิตเพิ่ม 3,460 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกใกล้ทะลุ 170 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 3.5 ล้านราย |
|
| | |
|
| |