เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า จากสถิติของผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อในไทยของมูลนิธิโรคข้อ พบว่า ในปี 2549 มีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมกว่า 6 ล้านคน แต่ทุกวันนี้พบในกลุ่มอายุน้อยกว่า 45 ปี ดังนั้นการลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อมเร็ว และชะลอภาวะข้อเข่าเสื่อมของประชาชน ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้กรมอนามัยจัดทำโครงการ "ปลดทุกข์ด้วยรอยยิ้ม โถห้อยขาเสริมสุขผู้สูงวัย พ.ศ.2556-2559" เพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนไทยทุกครัวเรือน พร้อมใจกันเปลี่ยนโถส้วมจากชนิดนั่งยองๆ หรือที่เรียกว่าส้วมซึม หันมาใช้โถส้วมแบบนั่งราบห้อยขา หรือที่เรียกกันติดปากว่าส้วมชักโครกให้ได้ร้อยละ 50 ภายในปี 2559
          ส่วนสถานที่สาธารณะที่ประชาชนใช้บริการเป็นประจำ 12 แห่ง ได้แก่ 1.สถานที่ท่องเที่ยว 2.ตลาด 3.ร้านอาหาร 4.สถานศึกษา 5.สถานที่ราชการ 6.โรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุข 7.ศาสนสถาน 8.ห้างสรรพสินค้า 9.สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง 10.ส้วมริมทาง 11.สถานีขนส่ง และ 12.สวนสาธารณะ จะรณรงค์ให้ทุกแห่งปรับเปลี่ยนและเพิ่มโถส้วมแบบนั่งราบห้อยขาอย่างน้อย 1 ที่ ภายในปี 2559 และมีระบบการดูแลความสะอาด เพื่อให้เป็นส้วมที่ได้มาตรฐานความสะอาด ปลอดภัยทุกแห่ง โดยจะเสนอโครงการนี้ให้ รมว.สาธารณสุขนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบ
          ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุด ขณะนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังนิยมการใช้โถส้วมชนิดนั่งยองสูงถึงร้อยละ 86 มีโถส้วมชนิดนั่งราบห้อยขาเพียงร้อยละ 13 และผลการสำรวจสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น ห้องอาหาร ปั๊มน้ำมัน ในปี 2554 พบว่ามีส้วมแบบนั่งราบห้อยขาแล้วร้อยละ 55 เท่านั้น สำหรับการใช้โถส้วมชนิดนั่งราบห้อยขาจะลดผลกระทบต่อการเกิดข้อเข่าเสื่อม