ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้มาลาเรียหรือ โรคไข้จับสั่น ซึ่งพบการระบาดในพื้นที่ 3 ตำบล ในเขตอำเภอสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ พบผู้ป่วยถึง 58 ราย สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านเนื่องจากโรคนี้พบเชื้อในอุทยานแห่งชาติภูพาน อีกทั้งได้หายสาบสูญไปจากพื้นที่แล้วกว่า 10 ปี ล่าสุดยังคงมีประชาชนที่ต้องสงสัยติดเชื้อทยอยเข้ารับการตรวจรักษา และยังพบเพิ่มขึ้นเป็น 64 ราย อีกทั้งผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.แซงบาดาล ต.มหาไชย และต.ผาเสวย
          นางมิ่งขวัญ  มงคลสินธุ์ นายแพทย์ชำนาญการโรงพยาบาลสมเด็จ กล่าวว่า การสอบสวนโรคผู้ป่วยทุกรายจะเกิดขึ้นภายหลังจากการหาของป่า จึงเป็นที่แน่ชัดว่าแหล่งเพาะพันธุ์โรคมาลาเรียอยู่ในป่าลึกในเขตอุทยานแห่งชาติภูพาน ชาวบ้านจึงควรหลีกเลี่ยงการหาของป่าในระยะนี้ แต่เนื่องจากปริมาณที่ยังคงเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยใน 3 ตำบล สาเหตุเกิดจากชาวบ้านไม่ยอมรับประทานยาให้ครบตามจำนวน 14 วัน จึงจะสามารถทำลายเชื้อให้หายขาด จึงทำให้ผู้ป่วยมีจำนวนเพิ่มขึ้น
          ขณะที่ นพ.พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูลสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดส่งหน่วยควบคุมโรคติดต่อเข้าไปบริการกับทางโรงพยาบาลพร้อมระบุว่า ผู้ป่วยถูกยุงก้นป่องกัด แต่ความผิดปกติที่เกิดขึ้นพบว่ามีการติดเชื้อภายในหมู่บ้านรอบนอกและเกรงว่าจะลุกลามเข้าไปยังในเขตบ้าน สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับประทานยาให้ครบตามจำนวนที่แพทย์สั่ง เพราะโรคนี้หากอาการไม่หายขาดจะทำให้มีเชื้อตกค้างในร่างกายและจะทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนไม่ว่าจะเกิดจากตับ หรือสมอง เพราะเชื้อตัวนี้จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดแดงในร่างกาย
          อย่างไรก็ตามสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการประชาสัมพันธ์และร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เพื่อเป็นการป้องกัน แต่ทั้งนี้การเฝ้าระวังคงจะต้องขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะต้องเฝ้าระวังไม่ให้ยุงกัด เนื่องจากโรคนี้หากร่างกายมีภูมิต้านทานน้อยก็จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน และอาจทำให้เสียชีวิตลงได้.