|
|
|
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 04/03/2555 ] |
|
|
|
|
อันตรายจาก 'ครีมสเตียรอยด์' |
|
|
|
|
นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน
เหรียญมี 2 ด้าน ครีมหรือขี้ผึ้งสเตียรอยด์ก็เช่นกัน หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพียงเพื่อต้องการให้ผิวหน้าเรียบเนียนระวังผลข้างเคียงหรืออันตรายจะตามมา
นพ.ชูชัย ตั้งเลิศสัมพันธ์ อนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในประเทศไทยปัญหาการใช้ครีมหรือขี้ผึ้งสเตียรอยด์พบได้ค่อนข้างบ่อย เพราะยาในกลุ่มนี้ประชาชนสามารถซื้อหาได้เองโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ราคาถูก 10 กรัม 50 บาท มีเป็นร้อยยี่ห้อ ส่วนมากประชาชนมักจะคิดว่าเป็นครีมทาภายนอกไม่ค่อยมีอันตราย ในขณะที่ประเทศเจริญแล้ว เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ครีมในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ประชาชนไม่สามารถซื้อใช้เอง ต้องอาศัยใบสั่งแพทย์
ครีมสเตียรอยด์มีประโยชน์ คือ แก้แพ้ แก้คัน แก้ผื่นผิวหนังอักเสบ บางคนพอใช้แล้วหน้าเรียบ ก็เลยใช้ต่อเนื่อง ถ้าใช้ช่วงสั้น ๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช้นาน ๆ จะติด ไม่ใช้ไม่ได้ และเพิ่มความแรงของยาขึ้นเรื่อย ๆ ตรงนี้เองที่ทำให้เกิดปัญหาหยุดไม่ได้ พอหยุดผิวหนังจะอักเสบเห่อขึ้นมา ผลข้างเคียงจากการใช้ครีมสเตียรอยด์แบ่งได้ดังนี้
1. ประเภทเฉียบพลัน ได้แก่ การเกิดสิว ครีมกลุ่มนี้ทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและหน้าอก โดยสิวที่เกิดจากสเตียรอยด์ จะแตกต่างจากสิวทั่วไป จะเป็นสิวในแบบเดียวกันทั้งหมด
รอยโรคเดิมเป็นมากขึ้น พวกนี้ส่วนมากเกิดจากการใช้ยาผิดโรค เช่น เป็นโรคกลากเกลื้อนแล้วใช้ครีมสเตียรอยด์ทา จะทำให้เป็นมากขึ้น นอกจากนี้อาจเกิดการแพ้สารกันบูด และน้ำหอมที่ใส่ในครีมสเตียรอยด์ได้ ส่วนการแพ้ตัวสเตียรอยด์เองนั้นพบได้แต่น้อย
2. ประเภทเรื้อรัง ได้แก่ ทำให้ผิวหน้าบางลง ออกแดดไม่ได้ เวลาเจอแดดก็จะแสบร้อน หลอดเลือดใต้ผิวหนังเปราะแตกง่าย ขนยาวขึ้นบริเวณทายา เกิดสิวและผื่นอักเสบรอบปาก เกิดภาวะติดยาเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเมืองไทยและรักษายาก ภาวะนี้เกิดจาการใช้ครีมสเตียรอยด์เป็นเวลานาน เวลาหยุดยาแล้วจะแดง หรือโรคผิวหนังอักเสบเดิมจะเป็นมากขึ้น ทำให้หยุดใช้ยาไม่ได้ และต้องใช้ครีมสเตียรอยด์แรงมากขึ้น นอกจากนี้อาจไปกดการทำงานของต่อมหมวกไต ซึ่งมักเกิดจากการใช้ครีมสเตียรอยด์ชนิดแรงเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ
ที่ผ่านมาเจอผู้ป่วยที่มีปัญหาจากการใช้ครีมสเตียรอยด์ได้เรื่อย ๆ ส่วนตัวเจอประมาณ 3-8 รายต่อสัปดาห์ โชคดีที่ระยะหลังมานี้คนไข้รู้แล้วมาหาหมอเร็ว คือยังไม่ถึงกับหน้าบาง แค่ใช้แล้วหยุดไม่ได้ก็จะมาหาหมอ แต่ต้องบอกเลยว่า รักษายากมาก
เพราะฉะนั้นการใช้ครีมสเตียรอยด์ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ ถ้าผู้ป่วยจะซื้อยาใช้เอง ควรเลือกชนิดอ่อน ๆ 1% ไฮโดรคอร์ติโซน ครีม หรือ 0.02% ไทรแอมซิโนโลน ครีม ใช้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือไม่หายควรพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
วิธีการดูแลผิวหน้าที่ถูกต้อง คือ 1. รักษาความสะอาดตามสภาพผิว เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับใบหน้า เช่น ผิวหน้าแห้ง ผิวหน้ามัน หรือผิวหน้าผสม 2. ถ้าผิวแห้งอาจใช้ครีมบำรุงผิว หรือถ้าเป็นผิวผสมอาจจะใช้ครีมในบางพื้นที่ผิวที่แห้ง 3. อาจใช้ครีมกันแดดร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคนทั้งนี้คนไทยใช้ครีมกันแดดน้อย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะผิวคนไทยแพ้ง่ายนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์สามารถรักษาผิวหนังอักเสบได้ ในประเทศไทยมีจำหน่ายอยู่ 2 ยี่ห้อ ราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากเป็นยากลุ่มใหม่จึงยังมีปัญหาในการใช้อยู่ ทาง อย.อเมริกาก็พูดอย่างหนึ่ง แต่สมาคมแพทย์ผิวหนังอเมริกาก็ออกมาบอกอีกแบบหนึ่งที่ขัดแย้งกัน ทำให้เกิดความ สับสน ยาในกลุ่มนี้ในอเมริกาจึงต้องมีคำเตือนลงบนกล่อง แต่ก็มีวางขายบ้านเรา 10 กว่าปีแล้ว ขนาด 10-15 กรัม 800-1,800 บาท ดังนั้นไม่แนะนำให้ซื้อใช้เอง แม้ว่ายาในกลุ่มนี้จะยังมีปัญหาน้อยเนื่องจากมีราคาแพงคนใช้จึงยังน้อยอยู่
นพ.ชูชัย กล่าวด้วยว่า อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือ ครีมหน้าขาว เพราะไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็อยากได้ใบหน้าที่ขาว ตามค่านิยมของคนเอเชียและตามกระแสโฆษณา จึงทำให้เกิดผลิตภัณฑ์หน้าขาวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางที่ขายอย่างถูกต้อง และได้ทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือผลิตภัณฑ์ที่ขายตรง และไม่ได้จดทะเบียนจาก อย. สารต้องห้ามที่พบบ่อย คือ สารปรอท ไฮโดรควิโนน และกรดวิตามินเอ ดังนั้นผู้บริโภคควรตระหนักว่า ครีมหน้าขาวนั้นอาจมีส่วนช่วยบ้าง และต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ได้รับรองจาก อย. เท่านั้น หรือ กรณีไม่มั่นใจก็ตรวจสอบไปที่ อย.
|
| | |
|
| |
|
pageview 1210881 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |