"ลม เปลี่ยนทิศ"
          ชีวิตคนไทยวันนี้ยังไร้คุณภาพต่อเนื่อง รัฐบาลต่อท่ออำนาจ คสช.ปกครองประเทศมากว่า 7 ปี แต่คุณภาพชีวิตคนไทยไม่มีอะไรดีขึ้น โดยเฉพาะ ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 PM 10  ที่ทำลายสุขภาพของคนกรุงเทพฯ มาหลายปีแล้ว รัฐบาลไม่มีนโยบายถาวรในการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ไม่มีการประเมินผลแต่ละปี มีแต่คำพูดขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้นวันก่อน ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศแจ้งว่า ฝุ่นพิษจะกลับมาปกคลุมกรุงเทพฯและปริมณฑลอีกครั้งในวันที่ 27-28 มกราคม เนื่องจากลมเปลี่ยนทิศ
          แต่ที่ประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ วันจันทร์ที่ 25 มกราคมซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯเป็นประธานกรรมการก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ มีแต่พิจารณา โครงการสร้างรถไฟฟ้า สร้างทางหลวง ที่มีเม็ดเงินมหาศาล และเป็นตัวสร้างฝุ่น
          นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญ อธิบดีกรมอนามัยได้แสดงความห่วงแต่ฝุ่นพิษใน กทม. ปริมณฑล ที่กลับมาอีกครั้ง เพราะฝุ่นพิษในกทม.สัปดาห์ที่แล้วทำให้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาพิษฝุ่นในโรงพยาบาล 28ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ นพ.สุวรรณชัย ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าปี 2563 มีเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีลงมาที่อยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นพิษ PM 2.5 เกินมาตรฐานล้มป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับฝุ่นละอองถึง 618,131 คนโดยเฉพาะ โรคระบบทางเดินหายใจ เฉลี่ยทุกวันจะมีเด็กต่ำกว่า 14 ปี 1,694 คนต้องเข้ารับการรักษาอาการป่วยเกี่ยวกับฝุ่นพิษ PM 2.5
          ปีที่แล้วก็เป็นอย่างนี้ปีนี้ก็เป็นอย่างนี้อีก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกฯประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ท่านไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือที่บริหารล้มเหลวแบบนี้ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ประเทศจีนยากกว่านี้ก็ทำสำเร็จมาแล้วขอเพียงผู้นำมีความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาเท่านั้น
          เมื่อวันอาทิตย์ 24 มกราคม สำนักข่าวซินหัวจีน รายงานว่ากรุงปักกิ่งเมืองหลวงของจีนได้เปิดเผยในที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนเทศบาลนครปักกิ่ง ว่า ความหนาแน่นของฝุ่นพิษ PM 2.5 ในกรุงปักกิ่งได้ลดลงถึง 53% ในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี2558 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนประกาศนโยบายกำจัดฝุ่นพิษในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเคยรุนแรงกว่ากทม. ทำให้กรุงปักกิ่งวันนี้มีฝุ่น PM 2.5 ต่ำสุดเพียง38 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
          สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คุณภาพอากาศในกรุงปักกิ่งดีขึ้นจนเข้าใกล้มาตรฐานระดับ 2 ของประเทศ ซึ่งกำหนดความเข้มข้นของฝุ่นเฉลี่ยที่ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ กรุงปักกิ่งยังสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้กว่า 23% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ผู้ว่านครปักกิ่งก็ยังไม่พอใจให้คำมั่นว่า จะเดินหน้าควบคุมมลพิษในอากาศ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ฝุ่นพิษ PM 2.5 ก๊าซโอโซน ก๊าซไนโตรเจน ลงอีกในปี 2564 โดยวางแผนปลูกต้นไม้อีก 10,000 เฮกตาร์หรือ 62,500 ไร่ในปี 2564
          (เขียนเรื่องปลูกต้นไม้แล้วก็อดเล่าไม่ได้ดูข่าวทีวีวันก่อนเขาตามไปดู "ป่า" ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปปลูกไว้ตอนปลูกมีการทำข่าวเอิกเกริกจนเกิดเรื่องฉาว ปรากฏว่า ปลูกแค่ 60 กว่าต้นแถมยังเหี่ยวเฉาไร้ใบ เมื่อเป็นข่าวก็มีเจ้าหน้าที่ส่งรถน้ำไปรด เห็นแล้วก็ว้าเหว่)
          ความจริงการแก้ปัญหาฝุ่นพิษใน กทม.ง่ายกว่ากรุงปักกิ่งเยอะวันก่อน รศ.ดร.วันชัย รัตนวงษ์ ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาโลจิสติกส์มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยข้อมูลว่า ฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 ในกทม.เกิดจากภาคอุตสาหกรรม 40% ภาคการขนส่ง 30-40% โดยมีรถเมล์ รถบรรทุก เป็นตัวการสำคัญ รถเมล์ ขสมก.3 พันกว่าคันมีอายุกว่า 10-20 ปี ถ้าเปลี่ยนเป็น รถเมล์พลังงานสะอาด ก็ลดฝุ่นพิษก๊าซพิษ ใน กทม.ได้ 30% แล้ว แต่กทม. และรัฐบาลก็ไม่แก้ปัญหาเสียที ก็ไม่รู้ทนอยู่ดูหน้าประชาชนคนกรุงเทพฯได้ยังไง.