หนึ่งในโรคภูมิแพ้ที่พบมากขึ้นอย่างน่าตกใจทั้งในไทยและทั่วโลก คือ โรคแพ้อาหาร โดยเฉพาะโรคแพ้โปรตีน นมวัว ที่มักพบอาการเริ่มต้นภายในขวบปีแรก หากไม่ได้รับการป้องกัน หรือรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ จะมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและพัฒนาการของเด็กทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ด้วยเหตุนี้เรื่องดังกล่าวจึงเป็นประเด็นไฮไลต์ในงานสัมมนาทางการแพทย์ Pediatric Sum-mit on Food Al-lergy ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง บริษัทดูเม็กซ์ จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านโภชนาการเด็กระดับโลก และสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย
          ศ.นพ.ปกิต วิชยานนท์ ที่ปรึกษาสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืดและวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทยเผยว่า ทุกวันนี้ร้อยละ 30-50 ของคนทั่วโลก ต้องผจญกับโรคภูมิแพ้ไม่ชนิดใดก็ชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กทารกจะพบว่ามีความรุนแรงของโรคแพ้โปรตีนนมวัวมากขึ้น สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเด็กและความกังวลให้กับพ่อแม่และผู้ปกครอง รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและพัฒนาการของเด็ก ยิ่งกว่านั้นโรคแพ้โปรตีนนมวัวที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ ยังมีโอกาสสูงที่จะลุกลามไปเป็นการแพ้อย่างอื่นต่อได้อีก เช่น การแพ้อากาศที่ทำให้เกิดหวัดเรื้อรังหรือหอบหืดในเด็ก
          ในงานสัมมนาครั้งนี้ ยังได้นำเสนอข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับนวัตกรรมโภชนาการทั้งสำหรับการป้องกันและการรักษาโรคแพ้โปรตีนนมวัว โดย รศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์ หัวหน้าหน่วยโรคภูมิแพ้และอิมมูนวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำว่า ครอบครัวที่พ่อหรือแม่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ ทารกในครรภ์ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เมื่อคลอดออกมาควรให้กินนมแม่นานอย่างน้อย 6 เดือน และหลีกเลี่ยงนมวัวทั่วไป แต่หากแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ ก็มีนวัตกรรมโภชนาการสำหรับป้องกันการแพ้โปรตีนนมวัว เรียกว่านมสูตรไฮโปแอลเลอเจนิค คือนมวัวที่ผ่านการผลิตที่ทำให้โมเลกุลของโปรตีนเล็กลง และยังมีการศึกษาว่าหากเติมพรีไบโอติก scGOS : lcFOS ในสัดส่วน 9 : 1 เข้าไปด้วยก็จะลดอุบัติการณ์การแพ้โปรตีนนมวัวได้ดีกว่าการรับประทานนมสูตรไฮโปแอลเลอเจนิคทั่วไปถึงร้อยละ 58 ซึ่งนวัตกรรมทางโภชนาการเหล่านี้นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการป้องกันและแก้ปัญหาการแพ้โปรตีนนมวัว.