ผลวิจัยในออสเตรเลียพบว่า ผู้หญิงที่มีอายุมากยังคงสามารถตั้งครรภ์ได้โดยวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งพากรรมวิธีผสมเทียม แม้ว่าได้พยายามมีบุตรมานานนับปีแล้วยังไม่ได้ผลก็ตาม
          ผู้หญิงเกือบครึ่งหนึ่งซึ่งมีบุตรยากบอกว่า ตัวเองได้พยายามมีลูกอยู่นานอย่างน้อย 1 ปี ในที่สุดก็สำเร็จ โดยไม่ต้องรับการบำบัด อัตราความสำเร็จนี้ต่ำกว่ากลุ่มผู้หญิงมีบุตรยากที่เข้ารับการบำบัดด้วยไอวีเอฟหรือฮอร์โมนเพียงเล็กน้อย
          แดเนียล เฮอร์เบิร์ต แห่งมหาวิทยาลัย ควีนส์แลนด์ ในเมืองบริสเบน  บอกว่า ผู้หญิงจำนวนมากที่มีอายุ 36 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประวัติไม่ติดลูกยังสามารถมีการปฏิสนธิและคลอดบุตรได้โดยไม่ต้องพึ่งการบำบัดด้วยฮอร์โมนหรือเทคนิคไอวีเอฟ (เด็กหลอดแก้ว)
          เขาบอกว่า หากไม่มีอะไรผิดปกติ ฝ่ายชาย มีสเปิร์มมากพอ และฝ่ายหญิงมีการตกไข่อย่างสม่ำเสมอ คู่สมรสที่มีบุตรยากก็มีโอกาสที่จะมีลูกได้ด้วยตัวเอง
          แพทย์หญิงคอร์ตนีย์ ลินช์ แห่งมหาวิทยาลัยโอไฮโอ ในเมืองโคลัมบัส ซึ่งไม่ได้ร่วมในทีมวิจัย บอกว่า ไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิงที่ไม่ได้รับการบำบัดยังคงตั้งครรภ์ได้ ถ้าใช้เทคนิคไอวีเอฟก็จะตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น แต่ถ้าให้เวลา ผู้หญิงจำนวนมากก็ยังตั้งท้องได้เองอยู่ดี
          งานวิจัยระยะยาวชิ้นนี้ได้ศึกษาผู้หญิงในออสเตรเลีย จำนวน 7,000 คน  เมื่อปี2539 ผู้เข้าร่วมได้ตอบแบบสำรวจภาวะสุขภาพในทุกๆ 2-3 ปี ซึ่งรวมคำถามเรื่องการตั้งครรภ์และคลอดบุตรด้วย
          ข้อมูลชุดนี้ได้จากผู้หญิงประมาณ 1,400 คน อายุ 28-36 ปี ซึ่งได้ตอบแบบสอบถามชุดหลังสุดว่า พวกเธอไม่ประสบความสำเร็จในการพยายามมีลูกในช่วงเวลาอย่างน้อย 1 ปีที่ผ่านมา ในจำนวนนี้มีเกือบ 600 ราย ที่บอกว่าตัวเองได้เข้ารับการบำบัดด้วยไอวีเอฟ หรือฮอร์โมน
          รายงานซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Fertility and Sterility บอกว่า จนถึงการสำรวจครั้งหลังสุดเมื่อปี 2552 ผู้หญิง 53% ในกลุ่มนี้บอกว่า ตัวเองมีบุตรโดยการบำบัด ขณะที่ผู้หญิง 44% ซึ่งประสบปัญหามีบุตรยาก บอกว่า ตัวเองได้ลูกโดยไม่ได้เข้ารับการบำบัด
          ในกลุ่มผู้หญิงที่ได้ลูกนั้น พวกที่เข้ารับการบำบัดกลับไม่ได้รับการบำบัด  ไม่ได้มีปัญหาการตั้งครรภ์แตกต่างกัน เช่น การตายคลอด การคลอดก่อนกำหนด
          อย่างไรก็ดี เฮอร์เบิร์ตกับคณะยอมรับข้อจำกัดของการวิจัยว่า ข้อมูลที่ได้รับนั้นไม่ได้ระบุว่าผู้หญิงเหล่านั้นมีการเปลี่ยนคู่ครองฝ่ายชายในช่วงเวลาที่ทำการศึกษาหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อโอกาสการตั้งครรภ์
          ลินช์บอกว่า ผู้หญิงราว 15% ไม่ตั้งครรภ์หลังจากพยายามอยู่นาน 1 ปี  แต่มีแค่ 3-5% เท่านั้นที่เป็นหมันอย่างแท้จริง ที่เหลือจะตั้งครรภ์ได้ด้วยตัวเองหลังจากพยายามต่อไปอีก 1-2 ปี
          อลิซ โดมาร์ แห่งคลินิกบอสตัน ไอวีเอฟ บอกว่า ผู้หญิงที่พยายามตั้งครรภ์มานานควรไปตรวจดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ การรอเวลาให้เนิ่นช้าจะเป็นการเสียโอกาส ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้จำเป็นต้องรับการบำบัดด้วยฮอร์โมนเพื่อให้การตกไข่กลับมาเป็นปกติหรือการทำเด็กหลอดแก้ว.