HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 17/12/2563 ]
บิ๊กตู่ ย้ำต้องปลอดภัยไว้ก่อนจัดโซนเคานท์ดาวน์จำกัดคน-คัดกรองโควิด-19

  ห้ามซ้ำรอย'บิ๊กเมาน์เท่น'คนแออัดนับหมื่นอันตรายลั่นถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องจัดไทยติดเชื้อเพิ่ม15จากตปท.
          ไทยพบติดเชื้อใหม่ 15 รายมาจากต่างประเทศ ส่วน 7 จังหวัด โยงท่าขี้เหล็กพ้น 20 ธันวาคมไม่มีป่วยเพิ่ม ถือเป็นพื้นที่ปลอดภัย ผลสอบสวนโรคในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 7 คน พบลูกบิด ประตูต้นตอแพร่โควิด จับตา ที่ประชุม ศบค.ถกมาตรการจัดเคานท์ดาวน์ ปีใหม่ "นายกฯ"ย้ำแบ่งโซนจัดงาน จำกัดคน คัดกรองเข้ม ลงทะเบียน "ไทยชนะ"ผ่านมือถือเพื่อติดตามตัวได้ง่าย ยัน"ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่เอา อะไรดีกับประชาชนถึงจะทำ"ด้าน"วิษณุ"ระบุต้องมีมาตรการป้องกันการจัดงานคนรวมตัว หลักหมื่น สกัดซ้ำรอย"บิ๊กเมาน์เท่น" ที่หนักกว่าสนามมวยลุมพินี 10 เท่า "อนุทิน"เปิดโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ป้องกันกักตุน-โก่งราคา
          เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ 15 ราย พบในสถานกักกันตัวของรัฐทั้งหมด ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,261 ราย หายป่วยสะสม 3,977 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 224 ราย และเสียชีวิตสะสม 60 ราย
          ติดเชื้อใหม่15มาจาก9ปท.
          สำหรับผู้ติดเชื้อใหม่ 15 ราย รายที่ 1-2 มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นชายไทย อายุ 29 ปี และ 43 ปี รายที่ 3 มาจากฮ่องกง เป็นหญิงไทย อายุ 27 ปี รายที่ 4 มาจากฮังการี เป็นชายไทย อายุ 32 ปี รายที่ 5 มาจากฝรั่งเศส เป็นหญิงชาวฝรั่งเศส อายุ 48 ปี รายที่ 6-7 มาจากสหราชอาณาจักร เป็นชายไทย อายุ 28 ปี รายดังกล่าวมีอาการเจ็บคอ และเป็นชายไทยอายุ 20 ปี รายที่ 8-9 มาจากอินเดีย เป็นชายชาวอินเดีย อายุ 31 ปี และชายไทย อายุ 42 ปี รายที่ 10 มาจากบาห์เรน เป็นหญิงไทย อายุ 40 ปี รายที่ 11 มาจากสหรัฐอเมริกา เป็นหญิงไทย อายุ 52 ปี รายที่ 12-14 เป็นหญิงไทย อายุ 24 ปี 33 ปี และ 34 ปี และ รายที่ 15 มาจากบราซิล เป็นชายชาวบราซิล อายุ 32 ปี
          7จว.โยงท่าขี้เหล็กพ้น20ธ.ค.ปลอดภัย
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผู้เดินทางมาจากจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศ เมียนมาให้ความร่วมมือดี โดยเข้ามาอยู่ในสถานกักกันตัวของรัฐที่ จ.เชียงราย 248 ราย สำหรับ จ.เชียงราย หากพ้นวันที่ 16 ธันวาคม ซึ่งครบ 14 วัน หลังจากพบผู้ติดเชื้อในจังหวัด แล้วไม่พบการติดเชื้อเพิ่มเติมถือว่าปลอดภัย  ส่วน จ.พะเยา พิจิตร และราชบุรี หากพ้นวันที่ 16 ธันวาคม ครบ 14 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อในจังหวัด แล้วไม่มีการติดเชื้อเพิ่มเติมถือว่าน่าจะปลอดภัยเช่นกัน
          ส่วน จ.สิงห์บุรี หากพ้นวันที่ 18 ธันวาคม จะครบ 14 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อ ในจังหวัดแล้วไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มถือว่าปลอดภัย  ขณะที่กทม.หากพ้นวันที่ 20 ธันวาคม ซึ่งครบ 14 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อในจังหวัดแล้วไม่มีผู้ติดเชื้อ เพิ่มเติมถือว่าปลอดภัย และจ.เชียงใหม่ หากพ้นวันที่ 19 ธันวาคม ซึ่งครบ 14 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดแล้วไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ถือว่าปลอดภัย ดังนั้น ถ้าภายในวันที่ 20 ธันวาคม กลุ่มก้อนนี้ ไม่มีการติดเชื้อเพิ่มในแต่ละจังหวัด จะเข้าสู่ช่วงประกาศได้ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยครบทุกจังหวัด
          ชี้ลูกบิดประตูต้นตอแพร่ในSQ
          โฆษกศบค.กล่าวด้วยว่า ได้รับชุดข้อมูล โดยสิ่งที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นห่วงคือ เรื่องสถานกักกันตัวทางเลือก ซึ่งกรณีพบพยาบาลติดเชื้อจากการดูแลผู้ป่วยในสถานกักตัวทางเลือก ปรากฏว่า จากการไปสวอปมาเชื้อไปอยู่ที่ลูกบิดประตู ดังนั้น ลูกบิดถือว่าสำคัญ เพราะมีการสัมผัสกันมาก จึงอยากให้ผู้ดูแลสถานประกอบการดูแลเรื่องลูกบิดประตูด้วย
          เคสท่าขี้เหล็กติดเชื้อสะสม67คน
          ด้านนพ.วิชาญ ปาวัน นายแพทย์เชี่ยวชาญ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง ภาพรวมผู้ติดเชื้อจะมีประวัติเดินทางมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักกันตัวของรัฐ ยังไม่มีรายงานติดเชื้อในประเทศเพิ่มเติม และยังไม่มีจังหวัดใดพบกลุ่มก้อนการระบาด สำหรับความคืบหน้ากรณีผู้ติดเชื้อที่มีประวัติเดินทางมาจากท่าขี้เหล็ก พบเพิ่มเติม 3 ราย อยู่ในสถานกักกันตัวของรัฐ ทำให้ผู้ติดเชื้อที่มาจากท่าขี้เหล็กสะสม 67 ราย ซึ่งใน 67 ราย มีเพียง 2 รายเท่านั้น ที่ติดเชื้อในประเทศ ส่วน 48 ราย ตรวจพบที่สถานกักกันตัวของรัฐ
          ย้ำเชียงราย-เชียงใหม่ปลอดภัยแล้ว
          สำหรับความกังวลในส่วน จ.เชียงราย ผู้มีความเสี่ยงคือ มาจาก ต่างประเทศทั้งหมดจะถูกนำเข้าสถานกักกันตัวของรัฐมีทั้งสิ้น 248 ราย อยู่ระหว่างรักษา 35 ราย รักษาหายแล้ว 20 ราย นอกจากนี้ จ.เชียงราย ยังค้นหาเพิ่มเติม ทั้งหมด 26,000 ราย โดยไม่พบเชื้อ มั่นใจได้ว่า จ.เชียงราย ปลอดภัย และขอให้ จ.เชียงราย เชียงใหม่ และจังหวัดอื่นๆ ที่มีรายงานผู้ป่วยเกี่ยวข้องกับกรณีท่าขี้เหล็กสบายใจได้ เพราะปลอดภัยแล้ว ไปเที่ยวและเดินทางได้ แต่ขอให้เคร่งครัดด้านมาตรการป้องกัน  และที่มีบางโรงเรียน บางบริษัทสั่งกักตัวนักเรียน ครู และพนักงาน ที่กลับจากจ.เชียงราย เชียงใหม่ ถือเป็นมาตรการที่เกินความจำเป็น สธ. ไม่ได้มีคำแนะนำให้กักตัวผู้ที่มาจากเชียงราย และเชียงใหม่ ขอให้โรงเรียนและองค์กรทบทวนมาตรการดังกล่าว
          ถกศบค.ปรับแผนเคานท์ดาวน์ปีใหม่
          ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีการประชุมศูนย์บริการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) หรือศบค.วันที่ 17 ธันวาคม จะพิจารณาเรื่องการจัดกิจกรรมช่วงปีใหม่หรือไม่ว่า  จะหารือมาตรการการจัดกิจกรรมช่วงปีใหม่ โดยตนให้นโยบายกำหนดพื้นที่เป็นโซนๆไม่ใช่ให้คนมารวมตัวกันจำนวนมากแล้วตรวจสอบอะไรไม่ได้  ตนเห็นว่าเราต้องขอความร่วมมือ เพราะทุกครั้งที่มีการจัดงานในพื้นที่ใหญ่ มีคนเป็นจำนวนเป็นหมื่น มันอันตรายมาก ให้ใช้วิธีซอยย่อยเป็นพื้นที่ได้หรือไม่ และให้มีระบบตรวจสอบระบบคัดกรอง ทุกคนต้องลงทะเบียนในโทรศัพท์ ถ้าทุกคนไม่ยอมอะไรสักอย่าง ก็จะแก้ไขไม่ได้ และถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ก็ตามไม่ได้ ก็ต้องให้ความร่วมมือ ตนไม่ได้ไปทำให้คนเสียหาย ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ไม่ต้องจัด จะเอากันหรือไม่ ก็ไม่ได้อีก เมื่อสถานการณ์เรายังควบคุมได้ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ขึ้นอยู่กับตน ขึ้นกับศบค.และตนเป็นคนตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ตนให้แนวทาง ศบค.ไปว่าจะต้องมีมาตรการอย่างไร มีแนวคิดใหม่ๆ ทำแบบนี้หรือแบบไหนดีหรือไม่  ให้ไปดูแลมาประชุมกับตนอีกครั้ง  ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เอา อะไรดี กับประชาชนถึงจะทำ
          สกัดซ้ำรอยบิ๊กเมาน์เท่น
          นายวิษณุ  เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม ศบค.วันที่ 17 ธันวาคม จะหารือเรื่องฟื้นมาตรการป้องกันโควิด-19 หรือไม่ หลังเกิดกรณีคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่นที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมาว่า ตนไม่ได้พูดว่าจะฟื้นมาตรการอะไร ต้องรอให้ศบค.หารือกันก่อน แต่เมื่อเกิดกรณีคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น หรือที่ จ.เชียงราย รวมถึงมีชาวต่างประเทศเข้ามา ทำให้เราต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าต้องเข้มขึ้นหรือผ่อนลง  อย่างไรก็ตาม กรณีคอนเสิร์ต บิ๊กเมาน์เท่นที่เกิดการรวมตัวกันของคนกว่า 5 หมื่นคน หนักกว่ากรณีสนามมวยลุมพินีสิบเท่า หากเกิดขึ้นอีกจะทำอย่างไร ทั้งที่ห้ามปรามแล้วก็ยังเกิดขึ้น และต่อไปอาจเกิดกรณีเช่นนี้อีกได้ เช่น ช่วง เคานท์ดาวน์ปีใหม่ที่อาจมีประชาชนมารวมตัวกันจำนวนมาก ซึ่งหากมีมาตรการรองรับก็จัดได้
          "การสวดมนต์ข้ามปีตามวัดต่างๆ เป็นการรวมตัวกันเพียง 500-1,000 คน ไม่เป็นอะไร เพราะเว้นระยะห่างได้ และเวลาสวดมนต์สวมหน้ากากได้ ไม่เหมือนคอนเสิร์ตที่ตะโกนกรี๊ดลั่น เป่าปาก กระชากหน้ากาก ดังนั้น ในการประชุม ศบค.จะหารือเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย เราจะป้องกันอย่างดีที่สุด แต่ไม่ถึงขั้นห้ามปราม" นายวิษณุกล่าว
          สธ.เปิดรง.ผลิตแมส แก้กักตุน
          วันเดียวกัน ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จ.ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิด สายการผลิตหน้ากาก อนามัย เพื่อความมั่นคงทางการแพทย์ ขององค์การเภสัชกรรม ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์แบบใช้แล้วทิ้ง เพื่อเป็นศูนย์กลางกระจายให้บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐ และบางส่วนจำหน่ายให้ประชาชนผ่านร้านขายยาทั้ง 8 สาขา และร้านค้าออนไลน์ ของอภ. โดยเฉพาะช่วงที่โควิด-19 ระบาดความต้องการใช้หน้ากากอนามัยสูงขึ้นกว่าเดิม 5 เท่า หรือคิดเป็น 200 ล้านชิ้นต่อเดือน จากภาวะปกติอยู่ที่ 30-40 ล้านชิ้นต่อเดือน
          นายอนุทินกล่าวว่า การตั้งโรงงานหน้ากากอนามัยครั้งนี้ เกิดจากการขาดแคลนหน้ากากอนามัยทั้งในบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน ช่วงที่ โควิด-19 ระบาดทำให้ตนเองรู้สึกเจ็บใจมาก โดยเฉพาะเมื่อเห็นคนฉวยโอกาสนำหน้ากากอนามัยมาขายในราคาแพง เกินจริง พร้อมยืนยันว่าการเปิดโรงงาน ครั้งนี้ไม่ใช่ทำเชิงธุรกิจ แต่ทำเพื่อความมั่นคง เพิ่มความมั่นใจว่าไทยจะไม่ขาดแคลน ไม่เกิดการกักตุน ไม่ขึ้นราคา หากเกิดวิกฤติ โดยการผลิตหน้ากากอนามัยครั้งนี้ เป็นชนิดมาตรฐานป้องกันอันดับที่ 1 สำหรับสถานพยาบาลทั่วไป ระยะแรกมีกำลังการผลิต 800,000-1,000,000 ชิ้นต่อเดือน หรือประมาณ 10,000,000 ชิ้นต่อปี และเตรียมผลิตหน้ากากอนามัยที่มีมาตรฐานสูงขึ้น มาตรฐานป้องกันระดับ 2 หรือหน้ากากอนามัยชนิด N95
          ทั่วโลกติดเชื้อเฉียด74ล้าน
          ทางด้านสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ประจำวัน ในรอบ 24 ชั่วโมง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 73,880,679 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างน้อย 556,509 ราย รักษาหายแล้ว 51,892,056 ราย เสียชีวิต 1,643,249 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกาติดเชื้อสะสม 17,143,942 ราย เสียชีวิตสะสม 311,073 ราย อันดับ 2 อินเดียติดเชื้อสะสม 9,932,908 ราย เสียชีวิตสะสม 144,130 ราย อันดับ 3 บราซิลติดเชื้อสะสม 6,974,258 ราย เสียชีวิตสะสม 182,854 ราย อันดับ 4.รัสเซียติดเชื้อสะสม 2,734,454 ราย เสียชีวิตสะสม 48,564 ราย อันดับ 5.ฝรั่งเศสติดเชื้อสะสม 2,391,447 ราย เสียชีวิตสะสม 59,072 ราย ขณะที่เมียนมา อยู่ลำดับที่ 69 ของโลก มีผู้ป่วยใหม่ 1,155 ราย สะสม 110,667 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในลำดับที่ 152 ของโลก
          สหรัฐป่วยโควิดทุบสถิติอีกรอบ
          มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมง ของสหรัฐฯว่า พบผู้ติดเชื้อ โควิดเป็นตัวเลขสูงทำลายสถิติอีกครั้ง โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 248,000 ราย
          ช่วงเวลาเดียวกันนั้น สหรัฐพบ ผู้เสียชีวิตจากโควิด 2,706 ราย การระบาด ของโควิด-19 ในสหรัฐฯรุนแรงขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อรายวันจำนวนมากทำลายสถิติในระดับเกิน 200,000 รายต่อเนื่อง 10 วัน จำนวนผู้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ที่ 113,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดตั้งแต่เกิดการระบาดในสหรัฐเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่รัฐแคลิฟอร์เนียประสบ ปัญหาขาดแคลนเตียงสำหรับผู้ป่วยวิกฤติ
          เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า แม้ว่าสหรัฐเริ่มระดมฉีดวัคซีนป้องกัน โควิดให้ประชาชนเมื่อวันจันทร์ ยังไม่มีผลกับสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นขณะนี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะมีประชาชนที่สร้างภูมิคุ้มกันจนเห็นความแตกต่างของตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หน้ากากอนามัยและมาตรการเว้นระยะห่างยังคงจะต้องใช้ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดสิ้นปี
          เกาหลีใต้ติดโควิดทะลุพัน
          สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ หรือเคดีซีเอ รายงานว่า เกาหลีใต้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวัน 1,078 คน และผู้เสียชีวิต 12 คน หลังพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อทะลุ 1,000 คน ครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมียอดผู้ป่วยภาวะวิกฤติสูงถึง 226 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ขณะที่ทางการเกาหลีใต้เผยว่า เหลือเตียงผู้ป่วยวิกฤติเพียง 3 เตียง ในกรุงโซล และพื้นที่โดยรอบที่มีประชากรเกือบ 26 ล้านคน ด้านนายกรัฐมนตรีชุง เซ คยุน ของเกาหลีใต้ กล่าวระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ความสำคัญสูงสุดขณะนี้คือ จัดหาเตียงผู้ป่วยให้มากขึ้น ขณะเดียวกันทางการพยายามสุดความสามารถในการบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับปัจจุบันอย่างเข้มงวด เพื่อหลีกเลี่ยง การประกาศใช้มาตรการระดับสูงสุดที่เป็นการล็อกดาวน์เกาหลีใต้ครั้งแรก ขณะนี้เกาหลีใต้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 45,442 คน และผู้เสียชีวิต 612 คน


pageview  1210911    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved