HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 29/01/2564 ]
ศบค.คุมเข้มเตือนการ์ดอย่าตกคลายล็อก61จังหวัดห้ามจัดกิจกรรมรับวันตรุษจีน

เสียงแตกห่วงเปิดเรียน1ก.พ.เตรียมฟันพวกปกปิดข้อมูลยอดติดโควิดยังพุ่งอีก756คนกทม.สอบเพิ่ม3เคสโยงดีเจดัง
          ไทยพบผู้ป่วยใหม่ 756 ราย ชงศบค.ชุดใหญ่ 29 มกราคม เคาะผ่อนปรนมาตรการคุมโควิด 61 จว. สีขาว-สีเขียว  ย้ำผ่อนคลายแล้วห้ามการ์ดตก เตือนอย่าเพิ่งจัดกิจกรรมให้คนมารวมตัว โปรฯตรุษจีน เบรกไว้ก่อน รับ ศบค.หนักใจ บางกรณียังมีคนเห็นต่างโดยเฉพาะการเปิดโรงเรียน 1 กุมภาพันธ์  ฮึ่มเอาผิดพวกปกปิดข้อมูล โดนแน่ทั้ง จำคุก-ปรับ ขณะที่สถานที่จัดงาน-คนร่วมงาน โดนด้วย อ่วมคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท กทม.สอบสวนเพิ่ม 3 เคส โยงคลัสเตอร์มะตูมที่ยังมีปัญหา ถ้าพบให้ข้อมูลเท็จหรือปกปิดดำเนินคดีแน่ "อนุทิน" เชื่อเจ้าหน้าที่ไม่บิดเบือนข้อมูล เพราะไม่มีประโยชน์ ยึดหลักการสอบสวนโรคเพื่อป้องกัน ไม่มีใครประสงค์ร้าย
          เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตประจำวัน รวมถึงความคืบหน้าการทำแผนผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มการระบาดของไวรัสโควิด-19
          ติดเชื้อยังพุ่ง756สะสม1.6หมื่น
          พญ.อภิสมัยระบุว่า วันนี้ไทยมีผู้ติด เชื้อใหม่ 756 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 746 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 22 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกใน จ.สมุทรสาคร 724 ราย แบ่งเป็นแรงงานต่างด้าว 710 ราย และคนไทย 14 ราย นอกจากนี้ มาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 10 ราย ทำให้มียอด ผู้ติดเชื้อสะสม 16,221 ราย หายป่วยสะสม 11,287 ราย อยู่ระหว่างรักษา 4,858 ราย ในจำนวนนี้อาการหนัก 10 ราย ไม่มีรายงานเสียชีวิตเพิ่ม ยอดสะสมคงที่ 76 ราย อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกราฟยังเชิดหัวขึ้น เรายังต้องระวังกระชั้นชิด ยังวางใจไม่ได้ ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 101,433,090 ราย เสียชีวิตสะสม 2,184,120 ราย
          ชงศบค.ผ่อนปรนมาตรการ61จว.
          พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า หลายจังหวัด ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง จังหวัดที่ยังพบ ผู้ติดเชื้อช่วง 2 วันที่ผ่านมา มี 13 จังหวัด จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกันช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา มี 1 จังหวัด จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกันใน 5-6 วันที่ผ่านมา มี 2 จังหวัด จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกันช่วง 7 วันที่ผ่านมามี 47 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเลย 14 จังหวัด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะนำไปพิจารณาออกมาตรการผ่อนคลาย จังหวัดที่ไม่มี ผู้ติดเชื้อในระยะเวลานานจะมีมาตรการ ผ่อนคลายที่มากกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้ ยอมรับว่า ศบค.หนักใจ เพราะบางเรื่องยังมีความเห็นต่าง เช่น กรณีเปิดโรงเรียนจะป้องกันการระบาดได้หรือไม่ หรือถ้าปิดจะดูแลลูกหลานอย่างไรให้ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม ตรงนี้ศบค.ใช้ฐานข้อมูลที่ละเอียดยิบมาพิจารณา ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพราะเราจะเฝ้าระวังการติดเชื้ออย่างเดียวไม่ได้ ศบค.ต้องพิจารณาปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ด้วย
          "จากข้อมูลติดเชื้อวันที่ 21-28  มกราคม ใน 7 วันที่ผ่านมา พบจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อ เลยมี 14 จังหวัด (สีขาว) ส่วนจังหวัด ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อติดต่อกันเกิน 7 วันที่ผ่านมา มีมากถึง 47 จังหวัด(สีเขียว) โดยรวม 61 จังหวัด เรียกว่ากลุ่มเซฟโซน ซึ่งตัวเลข เหล่านี้จะเสนอ ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 29 มกราคม ให้พิจารณาว่า เมื่อไม่มีผู้ติดเชื้อเกิน 7-14 วัน ควรได้รับผ่อนปรนมาตรการ มากกว่าจังหวัด ที่ยังเป็นสีส้ม สีแดง"พญ.อภิสมัยกล่าว
          ย้ำการ์ดห้ามตกงดโปรฯตรุษจีน
          และว่า มาตรการที่ ศบค.ชุดใหญ่จะออกมาเป็นหลักการ แต่ทุกจังหวัดจะมีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดออกมาตรการเฉพาะให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งต้องขอความร่วมมือประชาชน การ์ดตกไม่ได้ ต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง สถานบริการก็ต้องกำหนดมาตรการสูงสุดในพื้นที่ของตัวเองเพื่อไม่ให้มีการรวมตัวจนแออัด ร้านค้าอาจยังไม่สามารถจัดกิจกรรม ที่ทำให้คนมารวมตัวกันจำนวนมาก โปรโมชั่นตรุษจีนอาจต้องรอไว้ก่อน ทั้งนี้ ให้รอฟังผลประชุมของศบค.วันที่ 29 มกราคม ซึ่งจะมีมาตรการชัดเจนออกมา
          ให้รร.จัดระบบเรียนเหมาะพื้นที่
          ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการเปิดโรงเรียน วันที่ 1 กุมภาพันธ์ กรณีถ้านักเรียนอาศัยอยู่ในจ.สมุทรสาครแต่ต้องเดินทางมาเรียนหนังสือในโรงเรียนเขตกทม. หรือจังหวัดใกล้เคียงต้องปฏิบัติตัวอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ไม่มีรายงานผู้ป่วย เช่น อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พญ.อภิสมัยชี้แจงว่า ตรงนี้หลายคนใช้ คำว่า คนหัวหมอ โดยระบุว่าคนส่วนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ถูกปิดแต่ข้างบ้านอีกอำเภอหนึ่ง เปิด เช่น การดื่มเหล้า จะย่องไปดื่มในพื้นที่ข้างเคียงได้หรือไม่ ต้องเป็นเรื่องความรับผิดชอบส่วนบุคคล ที่ต้องร่วมมือเฝ้าระวัง แต่มาตรการของจังหวัดลงไปถึงระดับอำเภอต้องเข้มข้นด้วย  เช่น โรงเรียน เพราะในทุกพื้นที่ต้องรู้จักเด็กนักเรียนเป็นอย่างดี หากรับทราบว่าเด็กนักเรียนคนไหนมาจากพื้นที่เสี่ยงต้องมีมาตรการ โดยผ่านการประชุมระดับโรงเรียนหรือสถานศึกษาว่าควรเฝ้าระวังและคัดกรองอย่างไร  เรื่องดังกล่าวเป็นการขอความร่วมมือ เนื่องจากศบค.ย้ำแล้วว่าโรงเรียนสามารถกำหนด มาตรการให้จัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย นักเรียนในพื้นที่สีเขียวไปเรียนในโรงเรียนได้ แต่เด็กส่วนที่อยู่ในพื้นที่สีแดงยังไม่ปลอดภัย ต้องจัดสอนออนไลน์ ดีกว่าตัดเด็กออกว่า ห้ามเข้ามาในโรงเรียน ขอให้สถานศึกษา พัฒนาระบบการเรียนการสอนที่ไปด้วย กันได้ เพื่อเป็นตัวเลือกให้ผู้ปกครอง
          จี้ฟันเคสดีเจมะตูม4ฐานความผิด
          พญ.อภิสมัยยังกล่าวถึงกรณีนายเตชินท์ พลอยเพชร หรือดีเจมะตูมีรวมถึงกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องบางส่วนให้ข้อมูลยังไม่ครบถ้วนนั้น จากข้อมูลวันที่ 27 มกราคม มีการระบาดไปแล้ว 24 ราย และไม่เป็นทางการอีก 2 ราย ไม่นับรวมกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงอีก 113 ราย และเสี่ยงต่ำ 53 ราย ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกังวลกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำที่เดินทางไปหลายพื้นที่ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร แต่ละคนให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกัน ทั้งที่ไปในสถานที่ใกล้กัน หรือบางคนปกปิดข้อมูล กรมควบคุมโรครายงานว่า กรณีแบบนี้อาจทำให้เกิดการระบาด ป้องกันควบคุมอาจล่าช้าไม่ทันการ
          ดังนั้น กรมควบคุมโรคจึงทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม.ว่า พฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 รวมถึงกฎหมายอื่น 1.มีความผิดฐานขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท 2.อาจมีความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน อาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหายตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำ ทั้งปรับ 3.สถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์  อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนการห้ามจัดกิจกรรม เนื่องจากเสี่ยงแพร่โรค และไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด  4.บุคคลที่ร่วมงานเลี้ยง อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรมมั่วสุมในสถานที่แอดอัด ตามมาตรา 9 ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
          ย้ำปกปิดข้อมูลผิดกม.
          "กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด อยากให้ติดตามรายงานการดำเนินการความผิดเหล่านี้ในอีก 1-2 วันนี้ แต่ขณะนี้ เกิดปรากฏการณ์สังคมลงโทษผู้ติดเชื้อ อยากให้ติดตามข่าวเพื่อเรียนรู้นำไปสู่การป้องกันในโอกาสหน้า ส่วนเรื่องกฎหมายขอให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐดูแล ส่วนเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงคือ ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม มีรายงานผู้สัมผัสเสี่ยง 12 ราย ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 7 ราย เกิดจากการรวมตัวสังสรรค์กัน และขณะนี้มี ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ต้องสอบสวนโรคและเฝ้าระวังต่อมากกว่า 200 ราย"พญ.อภิสมัยกล่าว และย้ำว่า
          การปกปิดข้อมูลถือเป็นความผิดทางกฎหมาย เพราะถ้าไม่ปกปิดกรมควบคุมโรคเข้าไปสอบสวน และประกาศให้ประชาชนหรือชุมชนนั้นเฝ้าระวัง ป้องกัน เพื่อความปลอดภัย
          อนุทินเชื่อจนท.ไม่บิดเบือนข้อมูล
          ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่เชื่อมโยงงานเลี้ยงใน กทม.ระบุให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดแล้ว แต่ไทม์ไลน์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะไม่ตรงกับที่ให้ว่า หากเป็นเช่นนั้น ให้ออกมาชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่บิดเบือนข้อมูลอย่างไร การบิดเบือน คำให้การก็มีความผิด ดังนั้น เจ้าหน้าที่จะทำความเดือดร้อนให้ตนเองทำไม การสอบสวนโรคเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ตนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีเจตนาประสงค์ร้ายต่อผู้ให้ข้อมูล จึงควรให้ข้อมูลมากที่สุด เป็นสิ่งที่ต้องทำตามกฎหมายว่าไปสัมผัสกับใคร ไปที่ไหนอย่างไร
          ย้ำสำนักอนามัยกทม.ต้องเอาผิด
          "เมื่อวันที่ 27 มกราคม ผมแจ้งให้กรมควบคุมโรค(คร.) ออกหนังสือไปที่สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร เร่งดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อดูว่ามีความผิดอย่างไร ละเมิดประกาศของ ศบค.หรือไม่ ซึ่งมีหลายประเด็น ผู้ดำเนินการจะเป็น เจ้าพนักงานของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ สธ. ไม่ได้ตามจับเอง แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐไปดำเนินการ พนักงานทำทุกอย่างทำเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ขอให้ ทุกคนให้ความร่วมมือมากที่สุด" นายอนุทิน กล่าว และว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค มีวิธีสอบสวน ปิดไม่ได้ หากพบว่าปกปิดข้อมูล จะเข้าข่ายความผิดไม่ให้ความ ร่วมมือสอบสวนโรค ก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนอื่น ถ้าไม่อยากให้ไทม์ไลน์ ก็เคารพกฎหมาย ที่ต้องถูกสอบสวน เพราะท่านไม่เคารพกฎหมาย   ส่วนสถานบันเทิงที่จัดงาน ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องดูว่าเปิดเกินเวลา 21.00 น. ให้คนจำนวนมากมาร่วมตัวกันหรือไม่ ภาพที่ออกมาอธิบายพฤติกรรมได้อย่างดี  ส่วนสถานบริการที่ให้จัดงานจะมีความผิดด้วยหรือไม่ ก็ต้องดูการให้บริการว่า ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เกินเวลา 21.00 น. อนุญาตให้คนเข้ามาชุมนุมอย่างใกล้ชิด จำนวนมาก เป็นความชัดเจน ภาพต่างๆ ที่ออกมาก็อธิบายพฤติกรรมได้อย่างดี
          ฉีดวัคซีนเข็มแรกอาจไม่ทัน14ก.พ.
          ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน แถลงผลประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 1/ 2564 ถึงความคืบหน้า การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยลอตแรกที่จะเข้ามา 50,000 โดสจากบริษัทแอสตราเซเนกาในเดือนกุมภาพันธ์ ขึ้นกับเรื่องของมาตรการการขนส่งด้วย เนื่องจากขณะนี้อียูจะจำกัดส่งออกวัคซีน ดังนั้น ต้องดูว่าลอตที่จะเข้ามานี้ถูกรวมอยู่ด้วยหรือไม่ หากรวมอยู่ด้วยก็ให้บริษัทไปต่อสู้ให้ แต่ถึงอย่างไรก็จะเข้ามาภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่ไม่ได้ระบุว่าเข็มแรกจะทันวันที่ 14 กุมภาพันธ์หรือไม่ ยืนยัน ไม่มีการเมืองเกี่ยวข้องกับการทำงานของคณะทำงานจัดหาและฉีดวัคซีนเด็ดขาด ไม่มีแทรกแซงว่าไปฉีดพื้นที่นั้นพื้นที่นี่ก่อน ทุกอย่างยึดหลักการแพทย์
          เพิ่มเป้าหมายฉีดคนเป็นโรคอ้วนด้วย
          นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด-19 เผยว่า วัคซีนจะให้กับกลุ่มดังนี้ 1.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน 2. ผู้มีโรคประจำตัว ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด ไตเรื้อรังระยะสุดท้ายขึ้นไป โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งที่ให้เคมีบำบัด รังสีรักษา หรือภูมิคุ้มกันบำบัด และเบาหวาน และเพิ่มโรคอ้วนที่มีดัชนีมวลกาย 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ทั้งนี้ ที่เพิ่มกลุ่มคนอ้วนเข้าไป เพราะระยะหลังคนที่มีอาการรุนแรงในต่างประเทศพบในคนอ้วนมากขึ้น ธรรมชาติคนอ้วนจะมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว ดังนั้นถือเป็นกลุ่มเสี่ยงด้วย  3.ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ4.บุคลากรด่านหน้าอื่นที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโควิด-19 อาทิ ตำรวจ ทหาร อสม.คนที่ทำงานในโรงพยาบาล
          เปิดแผนให้วัคซีน3ระยะ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนให้วัคซีนมี 3 ระยะ โดยระยะแรกคือ วัคซีนยังมีปริมาณจำกัดต้องให้วัคซีนโควิดแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่อยู่ด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน ระยะที่ 2 คือ ช่วงที่วัคซีนเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงของประเทศ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่นอกเหนือจากด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อ ผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสกับคนจำนวนมาก เช่น เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการสาธารณะ เจ้าหน้าที่โรงแรม มัคคุเทศก์ เจ้าหน้าที่ของแหล่ง ท่องเที่ยว รวมทั้งผู้มีโอกาสสัมผัสผู้เดินทางต่างประเทศ เช่นลูกเรือ นักการทูต ผู้เดินทาง เป็นต้น และ ระยะที่ 3 เป็นช่วงที่วัคซีนมีปริมาณเพียงพอ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันระดับประชากร และฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชนทั่วไป
          ย้ำผิดพรบ.โรคติดต่อปรับ2หมื่น
          สอดคล้องกับ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ที่ระบุถึง กรณีมีผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.ที่เชื่อมโยงกับงานฉลองวันเกิดของดีเจดัง มีบางรายปกปิดข้อมูลในไทม์ไลน์ว่า กรมทำหนังสือด่วนถึงสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ขอให้ตรวจสอบดำเนินการ ตามกฎหมาย เนื่องจากพบว่ามีบุคคลอื่นซึ่งมีประวัติใกล้ชิดกับดีเจดังติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มอีก จากข้อมูลการเดินทางของบุคคลดังกล่าว และบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลบางประการไม่สอดคล้องกัน รวมถึงมีการปฏิเสธหรือปกปิดข้อมูลบางส่วน ซึ่งอาจทำให้เชื้อระบาดวงกว้าง การควบคุมป้องกันล่าช้า
          "กรณีนี้กรมควบคุมโรคพิจารณาแล้วเห็นว่าอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 รวมถึง กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องคือ บุคคลให้ข้อมูล ไม่สอดคล้องกัน หรือปฏิเสธปกปิดข้อมูล อาจเข้าข่ายความผิดฐานขัดขวางหรือ ไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 55 โทษปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท" นพ.โอภาสกล่าว
          แจ้งเท็จติดคุก6เดือนปรับ1หมื่น
          และว่า รวมถึงอาจผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน  ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  นอกจากนี้ กรณีสถานที่จัดเลี้ยงสังสรรค์ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนห้ามจัดกิจกรรมเสี่ยงแพร่โรค  รวมถึง บุคคลที่ร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในสถานที่แออัด ตามมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก. ฉุกเฉินพ.ศ.2548 เนื่องจาก กทม.ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตามคำสั่ง ศบค. ซึ่งพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวด ป้องกันการระบาด ใครฝ่าฝืน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548" นพ.โอภาสกล่าว
          กทม.แจงขั้นตอนสอบสวนโรค
          ในส่วนกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม.แถลงความคืบหน้าการสอบสวนกรณี ไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 บางส่วนปกปิดข้อมูล โดยชี้แจงว่า ขั้นตอนการเปิดเผย ไทม์ไลน์ของ กทม.นั้น เมื่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาล โรงพยาบาลจะสอบสวนโรค ก่อนนำลงในใบโนเวล ซึ่งเป็นแบบฟอร์มสอบสวนโรคโควิด-19 จากนั้นจะส่งให้กรมควบคุมโรค และสำนักอนามัย กทม.เมื่อได้รับข้อมูลจะจัดเจ้าหน้าที่ โทรศัพท์ ไปสอบถามสอบสวนเพิ่มเติมหลายครั้ง จากนั้นนำเข้าสู่คณะกรรมการกลั่นกรอง ที่ผู้ว่าฯกทม. ตั้งขึ้น มีแพทย์ และนักกฎหมายพิจารณาที่อาจละเมิดสิทธิ์ได้ หรือส่วนไหนที่เผยแพร่ได้ ก่อนนำมาเผยแพร่ในไทม์ไลน์ ยืนยันว่าการสอบสวนโรค ของเจ้าหน้าที่สำนักอนามัย กทม. จะโทรไปสอบถามเพียง 1 คนเท่านั้น และยึดข้อมูลจากใบโนเวล หรือ ใบสอบสวนโรคของแพทย์จากโรงพยาบาลต้นทางที่ผู้ติดเชื้อไปรักษาในช่วงแรก
          เร่งสอบเคสปกปิดข้อมูลไม่จริง
          โฆษก กทม.ยังกล่าวถึงกรณีไทม์ไลน์ ผู้ติดเชื้อที่ปรับแก้ โดยรายที่ 647 อาชีพ นักร้อง นักแสดง เป็นข้อมูลคนละชุดกับที่เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค สำนักอนามัย กทม.ได้รับช่วงแรก ปัจจุบันกทม.อัพเดตข้อมูลผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างพิสูจน์ว่าอยู่บ้านจริงหรือไม่ ส่วนรายที่ 657 อาชีพ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่ออกมาเปิดเผย ไทม์ไลน์ในเวลาต่อมา กทม. ยืนยันว่า รายนี้ ได้รับข้อมูลช่วงแรกตามใบสอบสวน และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลไทม์ไลน์ว่าอยู่บ้านจริงหรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วไม่จริง เจ้าพนักงานควบคุมโรค จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
          สำหรับข้อมูลผู้ติดเชื้อ 645 อาชีพเชฟร้านอาหาร ที่ปรับแก้ไทม์ไลน์จากเดิมที่ผู้ป่วยไม่ให้ข้อมูลช่วงวันที่ 17-18 มกราคม เจ้าหน้าที่สอบสวนโรคเพิ่มเติมอีกครั้งได้รับแจ้งว่า อยู่บ้านทั้งวัน ในเขตภาษีเจริญ กทม.จะตรวจสอบ ส่วนผู้ติดเชื้อ รายที่ 658 ที่ระบุวันที่ 9 มกราคม ไปโรงแรมบันยันทรี ซึ่งใบสอบสวนโรคยืนยันไปจริง แต่เจ้าตัวให้ข้อมูลว่าไม่ได้ไป ก็ต้องไปตรวจสอบ  และยังตรวจสอบสถานที่ จัดงานเปิดปิดตามกฎหมายหรือไม่


pageview  1210903    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved