HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 23/03/2564 ]
โควิดลามศูนย์กักตัวต่างด้าว ติดเชื้อพุ่ง 297 ตม.บางเขน-สวนพลู ผวา

  ตั้งรพ.สนามสโมสรตำรวจสำรอง120เตียงรับผู้ป่วยกทม.เฝ้าระวังหลายพื้นที่ทั้ง'สุขุมวิท-บางขุนเทียน'
          ศบค.แถลงติดเชื้อรายใหม่ 73 คน เสียชีวิต 1 คน เป็นชายวัย 60 ปี คนกทม. มีโรคประจำตัว จับตาศูนย์กักตัวบางเขน-สวนพลู เจอติดโควิด-19 เพิ่มอีก 297 ราย สธ.ลงพื้นที่สอบสวน โรค ทำแผนควบคุมโรค ทั้งแยกกักผู้ติดเชื้อ-ผู้สัมผัส งดเคลื่อนย้ายผู้ต้องกักระหว่างห้อง และงดรับ ผู้กักใหม่เข้ามาเพิ่ม พร้อมประสานสตช.ตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่สโมสรตำรวจ สำรองเตียง 120-250 เตียง รับคนป่วย ขณะเดียวกัน กทม.เฝ้าระวังเชิงรุกหลายพื้นที่ หลังพบระบาดใหม่ ทั้งแคมป์คนงานสุขุมวิทคลัสเตอร์บางขุนเทียน ด้านสมุทรสาครเล็งเสนอผ่อนคลายเพิ่ม 1 เม.ย. ส่วน อภ.ร่วมกับ ม.มหิดล ทดลองฉีดวัคซีนโควิด-เชื้อตาย ในมนุษย์ 18 คนครั้งแรก ในระยะที่ 1 และ 2 รวมสองเฟส 460 คน
          เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ โควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งยังพบ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลายพื้นที่
          ติดเชื้อใหม่73-ตาย1รายที่91
          พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 73 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 66 ราย ในจำนวนนี้มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 22 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 44 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 7 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 27,876 ราย หายป่วยสะสม 26,663 ราย อยู่ระหว่างรักษา 1,122 ราย มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 60 ปี พักอาศัยอยู่ใน กทม. อาชีพพนักงานบริษัท มีโรคประจำตัวเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็งปอดระยะสุดท้าย โดยวันที่ 14 มีนาคม เข้ารับการ ตรวจคัดกรองเชิงรุก จากนั้นวันที่ 15 มีนาคม มีอาการหายใจเหนื่อย เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แพทย์วินิจฉัยเป็นผู้ป่วย ปอดอักเสบรุนแรง และพบเชื้อโควิด-19 เข้าห้องแยก กระทั่งวันที่ 18 มีนาคม มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และเสียชีวิต ทำให้มียอดเสียชีวิตสะสม 91 ราย
          ไทยฉีดวัคซีนแล้ว7.3หมื่นคน-22มี.ค.เริ่มเข็ม2
          พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้รายงานการกระจายวัคซีนของซิโนแวค 8 แสนโดส ที่ได้รับมาเมื่อ วันที่ 20 มีนาคม โดยจัดสรรเพื่อใช้ควบคุมการระบาด 3 แสนโดส ปกป้องบุคลากรสาธารณสุขที่ทำงานด่านหน้า 2 แสนโดส และใช้สำหรับขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ท่องเที่ยว 3 แสนโดส ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม มีผู้ได้รับวัคซีนไปแล้ว 73,517 คน และวันที่ 22 มีนาคม จะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่สอง
          สมุทรสาครจ่อผ่อนคลายเพิ่ม1เม.ย.
          อย่างไรก็ตาม สำหรับการฉีดวัคซีน ใน จ.สมุทรสาคร นั้น ฉีดไปแล้วเกิน 35,000 ราย และจะฉีดให้ผู้ขับรถขนส่งสินค้า ที่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดด้วย ขณะที่พื้นที่ กทม. ฉีดไปแล้ว 15,737 ราย นอกจากนี้ จ.สมุทรสาคร รายงานว่า ตั้งแต่ผ่อนคลาย มาตรการในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม จังหวัดยังระดมค้นหาเชิงรุกต่อเนื่อง และถ้าประชาชนร่วมมือดีก็มีแนวโน้มว่าวันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป อาจผ่อนคลายมาตรการเพิ่มได้
          เร่งสกัดคลัสเตอร์แคมป์คนงานสุขุมวิท
          พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังรายงานกรณีพบคนงานติดเชื้อโควิด-19 ในแคมป์คนงานสุขุมวิท 117 ผู้ติดเชื้อ คนแรกเดินทางไปจ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม เพื่อต่ออายุการทำงานในประเทศ ต้องตรวจคัดกรองโควิด-19 และผลออกมาว่าติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 15 มีนาคม ทำให้มีการค้นหาเชิงรุกระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม ที่แคมป์คนงานสุขุมวิท 117 จำนวน 625 ราย พบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 16 ราย ในจำนวนนี้ 14 ราย ไม่มีอาการ ขณะที่วันที่ 19 มีนาคม ได้ตรวจเชื้อโควิด-19 ที่แคมป์คนงานสุขุมวิท 107 จำนวน 584 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อ และวันที่ 20-21 มีนาคม ตรวจชุมชนรอบแคมป์ คนงานสุขุมวิท 117 และตลาดใกล้เคียง 400 ราย อยู่ระหว่างรอผล อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่พบแคมป์คนงานต่างๆ เป็นสถานที่แออัด มีการใช้สุขาและห้องพักร่วมกัน ในโรงงานใช้ตู้น้ำดื่มร่วมกัน อีกทั้ง ยังมีคนงานบางคนฝ่าฝืนกฎบริษัทไปในพื้นที่เสี่ยง ทำให้บริษัทพิจารณาให้ออกจากงานแล้ว
          ตม.บางเขน-สวนพลูเจออีก297คน
          พญ.อภิสมัยกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีรายงานผลสอบกรณีพบผู้ติดเชื้อในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองบางเขนและสวนพลู กทม. โดยระหว่างวันที่ 11-20 มีนาคม ตรวจเชื้อไปแล้ว 1,888 ราย พบเชื้อโควิด-19 จำนวน 98 ราย และผลตรวจเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่งรายงานผลเข้ามา ยังพบเพิ่มอีก 297 ราย โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้แถลง รายละเอียดเพิ่มเติมช่วงบ่ายวันที่ 22 มีนาคม โดยกระทรวงสาธารณสุขทำแผนควบคุมโรคเพิ่มสำหรับพื้นที่ดังกล่าวแล้ว จะแยกผู้ต้องกักที่ติดเชื้อออกจากผู้สัมผัส งดเคลื่อนย้ายผู้ต้องกักระหว่างห้อง และงดรับผู้ต้องกักใหม่ อีกทั้ง ยังประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่สโมสรตำรวจ ขณะนี้เตรียมเตียงผู้ป่วยไว้ 120 เตียง และขยายเพิ่มได้ 250 เตียง นอกจากนี้ จะเร่งฉีดวัคซีนให้เจ้าหน้าที่ที่เสี่ยงสัมผัส ผู้ต้องกัก ซึ่งฉีดวัคซีนไปแล้ว 70 ราย
          1รายโผล่พระราม2-กระจายติด30คน
          ขณะเดียวกัน มีรายงานผู้ติดเชื้อ ใน กทม. ที่พื้นที่พระราม 2 บางขุนเทียน ซึ่งผู้ป่วยไปตรวจเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเพื่อขอวีซ่า และพบติดเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนโรค มีสัมผัสเสี่ยงสูง 37 ราย สัมผัสเสี่ยงต่ำ 178 ราย โดยระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม ตรวจเชื้อไปแล้ว 71 ราย พบติดเชื้อโควิด 30 ราย กลุ่มก้อนนี้ กทม. ได้ติดตามใกล้ชิดต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กทม. รายงานภาพรวมว่า ขณะนี้ใน กทม.ตรวจเชิงรุกไปแล้วกว่า 83,000 ราย โดยเฉพาะ 6 เขตที่ติด จ.สมุทรสาคร ตรวจไปแล้ว 21,458 ราย หลักๆ เป็นโรงงาน 128 แห่ง สำหรับตลาดได้ค้นหาเชิงรุกหมดแล้ว ขณะนี้เน้นไปที่ชุมชนเป็นหลัก
          ย้ำไม่ห้ามจ้ดสงกรานต์เข้มมาตรการสธ.
          ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว การเดินทางแสดงความ เป็นห่วง เนื่องจากขณะนี้พบติดเชื้อกลุ่มก้อน จึงกังวลว่าศบค.ต้องปรับมาตรการหรือไม่ และอยากทราบว่ามาตรการใดทำได้หรือไม่ได้ช่วงสงกรานต์ พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ศบค.เป็นห่วงเทศกาลสงกรานต์ มีหลายฝ่ายเป็นห่วงจะเกิดการระบาดมากขึ้นหรือไม่ อย่างไร และมีประชาชนจำนวนมากที่มีอาการ แพนเดมิคฟาทีสคือ อาการเหนื่อยล้าที่เราต้องอยู่กับโรคระบาดมานาน จึงอยากออกไปผ่อนคลาย โดยเฉพาะข้ามพื้นที่ ศบค.ย้ำว่าสงกรานต์ไม่ได้ห้าม แต่ขอให้ปลอดภัยอยู่ในมาตรการที่พื้นที่ หรือจังหวัดดูแลได้ ที่ต้องเน้นย้ำคือ ส่วนสาธารณสุขยังมีระบบเพียงพอดูแลได้ เช่น ถ้ามีคนป่วยกลุ่มก้อนเป็น 100 ราย สาธารณสุขดูแลได้จำกัดถือว่าลำบากเหมือนกัน
          "โดยรวมกิจกรรมศาสนาจัดได้แน่นอน พิธีกรรมไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานแห่ การละเล่นตามประเพณีพื้นบ้าน การแสดงออกทางวัฒนธรรมไปดูไปชมและ ให้มีความสุขได้ ขณะเดียวกัน ให้บริหารความเสี่ยงด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และพยายามทำให้สงกรานต์ปลอดภัย ภาคเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ เราบริหารความเสี่ยงและความสุขควบคู่กัน ไปได้" พญ.อภิสมัยกล่าว
          อภ.วิจัยวัคซีนในมนุษย์ระยะ1-2รวม460คน
          วันเดียวกัน ที่คณะเวชศาสตร์ เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมคณะเวชศาสตร์เขตร้อน แถลงข่าววัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายของ อภ. เริ่มวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1-2 โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า อภ.วิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ด้วยเทคโนโลยีไข่ไก่ฟัก ผลวิจัยในสัตว์ทดลองพบมีความปลอดภัยและกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี ล่าสุด อภ.จึงร่วมกับศูนย์วัคซีน คณะเวชศาสตร์ เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาวิจัยวัคซีนในมนุษย์ระยะ 1 และ 2 โดยการศึกษาวิจัยจะฉีดวัคซีนให้อาสาสมัคร 460 คน และศึกษาวิจัยในมนุษย์ให้มีผลครบถ้วนเพื่อนำข้อมูลไปยื่นขอขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และผลิตในระดับอุตสาหกรรมที่โรงงานผลิตวัคซีน ของอภ. ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งมีเทคโนโลยีผลิตวัคซีนด้วยไข่ไก่ฟักที่ใช้ผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว พร้อมปรับมาใช้ผลิตวัคซีนโควิด 19 ได้ทันที
          ไทยทดลองฉีดเข็มแรกใน18อาสาสมัคร
          ศ. นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การศึกษาวิจัยวัคซีนครั้งนี้ ศูนย์วัคซีน โดย ศ.พญ.พรรณี ปิติสุทธิธรรม เป็นผู้ศึกษาวิจัยทางคลินิก ระยะที่ 1 และ 2 ซึ่งออกแบบมาเพื่อประเมินความปลอดภัย และความสามารถสร้างภูมิคุ้มกันของวัคซีนที่ผลิตโดยอภ. ทั้งนี้ โครงการวิจัยมีวัตถุประสงค์คัดเลือกวัคซีนเพียงสูตรเดียวที่เหมาะสมเพื่อศึกษาวิจัย ระยะที่ 3 ตรวจหาประสิทธิผลต่อไป
          "การศึกษาวิจัยจะเปิดรับอาสาสมัคร 460 คน ซึ่งทุกคนต้องมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีประวัติติดเชื้อโควิด-19 และไม่มีประวัติแพ้ยาหรือวัคซีน โดยจะตรวจคัดกรอง ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจเลือด สำหรับการศึกษาวิจัยแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 จำนวน 210 คน อายุ 18-59 ปี แบ่งการศึกษาเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกศึกษาในอาสาสมัคร 18 คน เริ่มด้วยวัคซีนขนาดที่ต่ำที่สุด และค่อยเพิ่มไปขนาดที่สูงขึ้น และส่วนที่ 2 ศึกษาในอาสาสมัคร 192 คน จากนั้นจะวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเลือกให้ได้ขนาดหรือสูตรวัคซีนวิจัย 2 สูตร นำไปวิจัยต่อในระยะ ที่ 2 ประมาณเดือนกรกฎาคม เป็นการศึกษาวิจัยในอาสาสมัครอายุ 18-75 ปี 250 คน สำหรับการศึกษาระยะที่ 2 คาดว่าจะทราบผล ปลายปีนี้" ศ.นพ.บรรจงกล่าว
          สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายในอาสาสมัครครั้งนี้ เป็นการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 และ 2 โดยเริ่มทดลองกลุ่มแรก 18 คน และวันนี้ฉีดในอาสาสมัคร 4 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 2 คน และช่วงบ่าย 2 คน เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว 30 นาทีแรกจะตรวจอาการข้างเคียง 1 รอบก่อน จากนั้นสังเกตอาการอีก 4 ชั่วโมงก่อนกลับบ้าน
          คลัสเตอร์บางแคติดเพิ่ม10รายรอผล759
          ด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ค "เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง - Earth Pongsakorn Kwanmuang" ระบุ ผล ตรวจเชิงรุกในพื้นที่เขตบางแค กทม. พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 10 ราย ตรวจเชิงรุกเพิ่มอีก 2,663 ราย รวมตรวจแล้วทั้งหมด 18,157 ราย พบผู้ติดเชื้อรวม (+) 394 ราย ไม่ติดเชื้อรวม (-) 17,004 ราย รอผลการตรวจรวม 759 ราย
          ตั้งรพ.สนามสโมสรตำรวจ
          ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติ เดินทางมาตรวจความพร้อม การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามชั่วคราว ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารฝั่ง ตรงข้ามสนามบุณยะจินดา ถนนวิภาวดีรังสิต โดยโรงพยาบาลสนามดังกล่าว เตรียมไว้รองรับการรักษาตัวของผู้ต้องกัก ที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งล่าสุดตรวจพบแล้ว 96 คน เป็นชาย 91 และหญิง 5 คน จากจำนวน ผู้ต้องกักที่อยู่ในความควบคุมของห้องกักสวนพลูและบางเขน รวม 1,615 คน เป็น ผู้ต้องกักชาวเมียนมามากที่สุด ทั้งนี้ จากการคัดกรองผู้ต้องกักที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่แสดง อาการ จะถูกนำมารักษาตัวสังเกตอาการที่โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ โดยมีแพทย์จาก โรงพยาบาลตำรวจ 1 คน พยาบาล 4 คน และ ผู้ช่วยพยาบาล 2 คน ทำหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ตามมาตรการสาธารณสุข ของกรมควบคุมโรค โดยจะปิดกั้นพื้นที่ห้ามเข้า-ออก พร้อมกล้องวงจรปิด ส่วนการ ตรวจหาเชื้อใช้วิธี สวอปเทสต์ ตั้งแต่เข้าพักและตรวจซ้ำทุก 7 วัน และ 14 วัน หากพบผู้ต้องกักมีอาการป่วยหนักจะส่งต่อไปรักษา ที่โรงพยาบาลภูมิพล คาดรพ.สนามแห่งนี้ รองรับผู้ต้องกักที่ติดเชื้อได้มากถึง 300 คน ขณะเดียวกันยังสั่งให้กองบัญชาการตำรวจ ตระเวนชายแดนเตรียมพื้นที่รองรับเป็นโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมหากพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม


pageview  1210895    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved