HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
พิมพ์ไทย [ วันที่ 21/08/2555 ]
มะเร็งเต้านมคุกคามหญิงไทยตายเฉลี่ย2ชม.ต่อคนเร่งระดมทุนหาซื้อรถโมบายช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยง

 "ถ้าเราตรวจพบมะเร็งทุกชนิดตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมีโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้ แต่สำหรับมะเร็งเต้านมแล้วส่วนมากจะรู้ก็ต่อเมื่อเป็นระยะลุกลามไปแล้วปัจจุบันมะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 1 แทรกหน้ามะเร็งปากมดลูกไปแล้ว ในปี'53  พบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ 13,184 ราย และเสียชีวิตประมาณ4,665  ราย หรือทุก 2 ชั่วโมงจะพบว่าสตรีไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งเต้านม 1 คน และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
          จากคำกล่าวข้างต้น ของอธิบดีกรมอนามัยดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี เป็นข้อบ่งชี้ได้ดีว่า สถานการณ์ของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด และจากการลงพื้นที่ศึกษาดูงานการคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านม (Mammography)ของศูนย์มะเร็ง จังหวัดชลบุรี พบว่า มะเร็งเต้านมจะพบน้อยกว่ามะเร็งปากมดลูก แต่อัตราการเสียชีวิตของมะเร็งเต้านมมีมากกว่า เนื่องจากมะเร็งเต้านมจะไม่รู้ล่วงหน้าและไม่มีอาการบ่งบอก สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ประมาณร้อยละ 25 ของผู้ป่วยพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งเต้านม คือ กลุ่มคนที่มีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุยังน้อย หรือหมดประจำเดือนเมื่ออายุมาก ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ประวัติครอบครัวมีญาติพี่น้องสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม การรับประทานอาหารไขมันมาก การดื่มเหล้า เป็นต้น ส่วนอีกร้อยละ 75 ของผู้ป่วยยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าเกี่ยวกับอะไร ประมาณว่าในช่วงชีวิตของผู้หญิง 1 ใน 10 คน จะมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้ และมักพบในสตรีอายุ 40 ปี ขึ้นไปแต่ในสตรีอายุ 20-30 ปี ก็พบได้บ่อยเช่นกัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการ มีก้อน และแผลที่เต้านม หรือมีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลจากหัวนม ซึ่งจะมีการลุกลามและแพร่กระจายไปแล้วประมาณร้อยละ 56
          ดร.นพ.สมยศ กล่าวว่า ปัญหาของมะเร็งเต้านมนอกจากจะไม่มีการแสดงอาการแล้ว เครื่องมือในการตรวจหรือเครื่องเอ็กซเรย์ หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่าเครื่องแมมโมแกรม ในประเทศไทยยังมีอยู่ไม่มาก กระจุกตัวอยู่ตามเมืองใหญ่เท่านั้น และที่สำคัญ การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมแโมแกรมไม่ได้อยู่ในสิทธิประโยชน ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือประกันสังคม หากต้องการตรวจด้วยวิธีดังกล่าว จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากถึง 2,000 บาทขึ้นไป ดังนั้นกลุ่มเสี่ยงผู้ป่วยมะเร็งเต้านมส่วนมาก คือ ผู้หญิงงที่ตามชนบท ในถิ่นทุรกันดาร และมีฐานะยากจน ด้วยเหตุผลดังกล่าวมูลนิธิกาญจนบารมีได้ร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดทำ โครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammography)ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ ในปี 2555 ด้วยการจัดตั้งหน่วยคัดกรองมะเร็งเต้านมเคลื่อนที่ทั่วประเทศจำนวน 5 หน่วย 1 หน่วยจะดูแล 1 ภาค ประกอบด้วยรถให้สุขศึกษา ประชาสัมพันธ์ รถนิทรรศการเคลื่อนที่รถสาธิตตรวจมะเร็งเต้านมพร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ซึ่งจะเดินทางเข้าไปถึงพื้นที่ เพื่อให้หญิงไทยทั่วประเทศได้รับความรู้และเข้าใจวิธีการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมและตรวจเต้านมด้วยตนเอง ส่วนสตรีที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะได้รับการตรวจด้วยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านม (Mammo graphy) เพื่อค้นหามะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก หากพบก็จะส่งต่อเข้ารับการรักษาตามระบบหลักประกันสุขภาพเป็นการให้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมได้อย่างครบวงจร และสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสที่อยู่ห่างไกลได้รับบริการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ในเบื้องต้นดังโมบายดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง คันละ 50 ล้านบาท ซึ่งในประเทศมีรถโมบายแบบเดียวกันนี้เพียงแค่ 2 คันเท่านั้น
          "โครงการคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammography) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสฯ จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่มกราคม 2556 ถึง ธันวาคม 2560 โดยแต่ละหน่วยจะออกให้บริการพร้อมกันทุกวันๆ ละ 1 อำเภอ ตั้งเป้าหมายให้สตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสในแต่ละภาคได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ (Mammography) ปีละไม่น้อยกว่า10,000 ราย รวม 5 ภาค เป็นจำนวน 50,000 รายและภายในเวลา 5 ปี จะมีผู้ได้รับบริการทั่วประทศทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 250,000 ราย" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
          ในเบื้องต้นรถโมบายดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง คันละ 50 ล้านบาท และในประเทศไทยมีรถโมบายแบบเดียวกันนี้เพียงแค่ 2  คันเท่านั้น ทั้งนี้ส่วนหนึ่งของรถประกอบด้วยเครื่องเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ (Mammography)เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถตรวจพบความผิดปกติต่างๆของเต้านมได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาในการตรวจไม่เกิน 20 นาที  ปริมาณรังสีที่ได้รับต่ำไม่มีอันตรายสามารถแยกความแตกต่างของไขมันและเนื้อเยื่อชนิดต่างๆ ของเต้านมได้อย่างชัดเจน สามารถมองเห็นเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็งระยะเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี ให้ผลถูกต้องและแม่นยำ สามารถตรวจหามะเร็งเต้านมที่มีขนาดเล็กคลำไม่ได้ หรืออยู่ลึกในเนื้อเต้านมคลำได้ไม่ชัดเจน โดยเครื่องจะเอ็กซเรย์ผ่านเข้าไปในเนื้อของเต้านม จะทำให้มองเห็นร่องรอยที่มีลักษณะผิดปกติของผลึกแคลเซียมที่มาเกาะเป็นฝุ่นเล็กๆ ปรากฏในเอ็กซเรย์  ก่อนที่ระยะเซลล์จะเริ่มเปลี่ยนเป็นมะเร็งระยะที่ 1 มีประโยชน์มากในการวินิจฉัยโรค และการรักษาก็ไม่ยุ่งยากเพราะมะเร็งมีขนาดเล็กมาก ยังไม่แพร่ไปที่อื่น ไม่ต้องใช้ยาเคมีบำบัดสามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 100% และมีโอกาสรอดชีวิตสูง ขณะที่ถ้ามีอาการและตรวจพบก้อนขนาด 2-5ซม.โอกาสรอดชีวิตมี 75-90%  หากคลำพบก้อนขนาด5 ซม.ขึ้นไป โอกาสรอดชีวิตมีเพียงร้อยละ 15-30%เท่านั้น ซึ่งการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นเพราะมาตรวจรักษาช้าเกินไป อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านม  โดยเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ทั่วประเทศนี้ ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากกระทรวงสาธารณสุขและมูลนิธิ  กาญจนบารมี จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคล หลวงพ่อโสธร รุ่น"เบญจนวมงคล๕๕๕๕๕๕๕๕๕" ขึ้น เพื่อระดมทุนร่วมสมทบทุนโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคเงินสมทบทุนโครงการฯหรือติดต่อเช่าบูชาวัตถุมงคลได้ที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิ  กาญจนบารมี โทร.0-2965-9244, 0-2590-4001-3, 08-8505-5773,  08-8500-6854 หรือที่ธนาคารกรุงไทยและที่เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่เว็บไซต์http://sothorn.anamai.moph.go.th


pageview  1210959    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved