การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และความงามกำลังกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และเป็นช่องทางสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล เนื่องจากเป็นตลาดที่มีกำลังซิ้อสูง

          ประเทศไทยกับความเป็น "เมดิคัล ฮับ" หรือ "เมดิคัล ทัวร์ริซึ่ม" ศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวและความงามรวมถึงสุขภาพ กำลังเป็นโจทย์ใหญ่ของใครหลายคนเพื่อช่วยผลักดันให้เพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศไทยด้วยจุดเด่นด้านแหล่งท่องเที่ยวไทยที่มีหลากหลาย ผสานกับมาตรฐานการดูแลสุขภาพของไทย
          ลองมาฟังความเห็นจากผู้อยู่ในวงการที่เกี่ยวข้อง ถึงความพร้อมรองรับตลาดที่มีกำลังซื้อสูงในกลุ่มเมดิคัล ทัวริซึ่ม
          สุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)กล่าวว่า "ประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็น Worlder Leader ด้านการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและความงามหรือเมดิคัล ทัวริซึม โดยเชื่อว่า กลุ่มบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จะเป้นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 2 ล้านบาท ในปี 2558
          ขณะนี้ ผู้ประกอบการทุกเชคเตอร์ของไทยมีความพร้อมมากในการที่จะขยายตลาดไปทั่วโลก ปัจจุบันยังได้เชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งสปาของเอเชีย
          แพทย์หญิงประภา วงศ์แพทย์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าวว่าสมาคมเพิ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เนื่องจากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Medical Tourism)เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพ ในเรื่องการบริการทางการแพทย์ ทั้งในด้านบุคลากรเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล เมือเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่นๆเชื่อว่าประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เอเชียได้ไม่ยาก
          นายแพทย์ธนพล ทองประเสริฐ Medical Diretor ดร.ซีเคร็ทบาย ดร.ธนพล มองว่าตลาดด้านสุขภาพในเมืองไทยสำหรับต่างชาติยังเติบโตได้อีกมาก แต่สิ่งที่น่าจะมองควบคู่กันไปคือ "ด้านความงาม"เนื่องจากมีมูลค่ามหาศาลเพียงแต่การทำให้ประสบความสำเร็จในระดับประเทศนั้น ต้องอาศัยระบบการตลาด และการสนับนุนจากรัฐบาลเข้ามาช่วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ประเทศเกาหลี ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนเป็นอย่างมาก
          นอกจากด้านความงามแล้ว เรื่องของสุขภาพก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องของความเจ็บป่วยอีกต่อไป สิ่งที่กำลังจะเกิดเป็นกระแสใหม่คือ"คนยอมจ่ายเงินเพื่อให้ตัวเองไม่ป่วยและไม่แก่" ซึ่งประเทศที่เป็นผูนำในกระแสนี้ก็คือกลุ่มยุโรป ได้แก่ สวิทเซอร์แลนด์ และเยอรมันเช่นมีการบำบัดด้วยเซลล์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และทำให้คนที่มีเงินทั่วโลกยอมจ่ายเงิน เพื่อไปฟื้นฟูสุขภาพในราคาที่สูงแต่ถือว่าคุ้ม
          อีกทั้งเป็นสิ่งที่สามารถทำควบคู่พร้อมกันไปกับการท่องเที่ยวได้ เนื่องจากหลักของการบำบัดแบบนี้ ต้องใช้เวลาหลายวัน และควรทำในรีสอร์ทที่สวยงามแบบธรรมชาติ มีมาตรฐานด้านความสะดวกสบาย ซึ่งถ้าทำร่วมกันได้ทั้งด้านความงามและการชะลอความชรา ก็จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของตลาดนี้ในระดับเอเชียได้
          แพทย์หญิงนันทภัทร์ สุภาพพรรณชาติผู้ก่อตั้ง APEX Profound Beauty กล่าวว่าเอเพ็กซ์เป็นสถานที่รวมศาสตร์ความงามครบวงจรแบบองค์รวม โดยให้การดูแลรักษาทั้งรูปร่างผิวพรรณ หน้าตา พร้อมศาสตร์ของการชะลอวัยปัจจุบันผู้รับการรักษามีทั้งคนไทยและต่าติ
          ล่าสุดได้เปิดเพ็กซ์ เซลล์ สปา โดยมีนันทรา รีทรีท แอนด์สปาซึ่งเป็นโรงแรมบูติคดีไซน์ จำนวน 40 ห้อง ไว้รองรับหากคนไข้ต้องการที่พักเพื่อปรนนิบัติจิตใจและฟื้นฟูร่างการอย่างเต็มที่ หรือลูกค้าโรงแรมที่ต้องการบริการเพิ่มเติม ประเภท Retret หรือ wellness พร้อมห้องอาหารเสิร์ฟเมนูสุขภาพเอาใจคนรักสุขภาพ และความงามด้วยบรรยายกาศแบบโอเอซิสสวนสวยเขียวขจีกลางเมืองย่านทองหล่อซอย 8
          แพทย์จีนธีรพงศ์ ตั้งอร่ามวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนและการฝั่งเข็ม โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ให้ความเห็นว่าประเทศมีความโดเด่นไม่แพ้ใครในด้านศาสตร์การแพทย์แผนตะวันออกมีความทันสมัยและไม่ล้าฟลัง ขณะเดียวกันราคาค่าบริการถูกเมือเทียบกับนานาประเทศ โดยเฉพาะแพทย์แผนจีนของไทยที่มีความก้าวหน้า มีการพัฒนาสู่ระดับอินเตอร์ มีการพัฒนาสู่ระดับอินเตอร์ นอกจากนี้ยังเป็นศาสตร์การรักษาทั้งป้องกันโรค และรักษาเยียวยาเมื่อเป็นโรคแล้ว
          ปัจจุบันตนยังได้เปิดเกรียงฟ้าคลีนิค ที่ก่อตั้งมาเกือบ 40 ปีทั้งการรักษาด้วยสมุนไพรจีน และฝังเข็มโดยเฉพาะการฝังเข็มกำลังได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่เข้ามารับการรักษามากขึ้น จากปัญหาสุขภาพการคร่ำเคร่งกับงาน และใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีต่างๆ มากไป ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม ซึงการฝังเข็มไม่ก่อให้กิดผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยา
          จิรัญญา ประชาเสรี ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารบริษัทไครโอวิวา (ประเทศไทย)จำกัด มากกว่า 5 ปี ด้วยการบริการรับฝากสเต็มเซลล์และขยายบริการจากไทยไปยังประเทศพม่า เวียดนาม กัมพูชาและลาว
          บริษัทมีศักยภาพในการเป็นผู้นำตลาดเมื่อมีการเปิดเออีซี เนื่องจากห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีสูงของบริษัท เป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน AABB ของสมาคมธนาคารเลือดแห่งสหรัฐฯด้วย
          อาจารย์วิเชียร อยู่เกตุ แพทย์แผนไทย ชื่อดัง เจ้าของอโรคา เมดิเตชั่น เฮลท์ แคร์ กล่าว่าภูมิปัญญาไทยได้รับการยอมรับในระดับโลก ล่าสุดอโรคยาฯได้เปิดโครงการสุขภาพดีวิถีไทย "หนึ่งปี 1 พัน 1 วัน 1ร้อยต่อเรื่อง"เป็นโครงการที่ได้รวบรวมการดูแลสุขภาพกายและจิตรวมทั้งหมด 12 โครงการ ตามหลัก ภูมิปัญญาไทย ศาสนา ปรัชญาสากล ธรรมชาติบำบัด ฯลฯ เน้นหลักการสร้างความสมดุลให้กับชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี เช่น สวยด้วยสมุนไพรนวดแผนไทยเชลยศักดิ์โบราณนวดกดจุดสะท้อนใต้ฝ่าเท้าโภชนการบำบัด โปรแกรมสั่งจิตพิชิตความสำเร็จ เป็นต้น
          ด้วยศาสตร์การดูแลสุขภาพด้านต่างๆ ที่เปิดให้บริการในไทยนับเป็นการประกาศความพร้อมสู่การเป็น "เมดิคัล ฮับ" ของไทยได้เป็นอย่างดี