นอกจากอุณหภูมิเหยียบ 40 องศาเซลเซียสในช่วงนี้ จะทำให้คุณๆ ร้อนระอุจนแทบละลายได้แล้ว แสงแดดที่แผดเผา ยังเป็นอันตรายต่อผิวสวยๆ ของคุณอีกต่างหาก
          เมื่อปัญหาอากาศร้อนแรงแสงแดดแผดเผาอาจนำมาซึ่งปัญหาผิวได้ง่าย งานนี้เราเลยชวนคุณมาสืบเสาะข้อมูลวิธีการดูแลผิวในช่วงอุณหภูมิสูง จะหลบเลี่ยงไม่ให้ผิวเสียได้อย่างไร มีวิธีไหนที่จะดูแลผิวไม่ให้เกิดผื่นคัน,สิวอุดตัน, ฝ้า ฯลฯ กับกูรูด้านผิวพรรณ นายแพทย์อภิรักษ์ ตีระลัภนานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากโรงพยาบาลบางมด
          "ในช่วงฤดูร้อนแบบนี้เราต้องคิดถึงสองเรื่องหนึ่งคือ อากาศที่ร้อนขึ้น เมื่อร้อนขึ้นเหงื่อก็ออกเยอะพอเหงื่อออกเยอะเหงื่อก็กัดผิวผิวเราที่เคยแข็งแรง ก็จะเปลี่ยนกลายเป็นผิวแพ้ง่ายขึ้นมา ผดผื่นจะขึ้นเต็มไปหมด คนที่ไม่ค่อยเป็นสิว อยู่ดีๆ ก็สิวเห่อ
          เรื่องที่สองคือแดด หน้าร้อนแดดแรงขึ้น แต่เรายังต้องออกไปนอกบ้าน บางคนทำงานที่ต้องโดนแดด แดดก็ทำลายผิว, ฝ้าขึ้น, รูขุมขนใหญ่ขึ้น ริ้วรอยก็ตามมา" คุณหมออภิรักษ์เกริ่นนำถึงปัญหาแดดแรงอากาศร้อนที่นำมาซึ่งปัญหาผิวได้ง่ายปฏิบัติตัว->หาตัวช่วยหลบแดด เลี่ยงกิจกรรมกระหน่ำร้อน
          "พอเรารู้ว่าอากาศไม่ดี เราก็ต้องมาปรับเปลี่ยนเรื่องการปฏิบัติตัวก่อน อันดับแรกเลย เมื่ออากาศร้อนก็ต้องหลบร้อนพยายามอยู่เย็นๆ ยอมเสียค่าไฟเปิดแอร์สักหน่อย หนีไปอยู่ในห้าง อยู่ที่เย็นๆ อันดับที่สอง แดดแรงก็ต้องหลบแดด อยู่ในที่ร่มดีที่สุด แต่ถ้าอยู่ในร่มไม่ได้ ครีมกันแดดอย่างเดียวคงไม่พอ ดังนั้นร่ม, เสื้อแขนยาว, แว่นกันแดด, หมวก สิ่งเหล่านี้จำเป็นแน่นอน เพราะครีมกันแดดอย่างเดียวไม่น่าจะพอสำหรับแดดที่แรงอย่างช่วงนี้
          นอกจากนี้ก็มาดูอีกว่า ยังมีปัจจัยอะไรอีกที่ทำให้ร่างกายเรามันร้อนขึ้นมาอีก เช่น ไปออกกำลังกายเยอะๆ หากเหงื่อออกเยอะผิวก็ยิ่งแพ้ ดังนั้น การอบไอน้ำ (stream), เซานา (sauna), โยคะร้อน อะไรที่มันร้อนๆ กับผิว ให้หลีกเลี่ยงไปเลย
          ส่วนคนที่ชอบขัดตัวก็คงต้องเลี่ยง เพราะช่วงนี้ร้อนเหงื่อออกเยอะ ซึ่งเหงื่อเยอะมันก็กัดผิวเราอยู่แล้วไปขัดตัวอีกผิวก็จะแพ้มากขึ้นอีก" ดูแลผิว->เน้นใช้สบู่อ่อน และล้างหน้าบ่อยขึ้น
          "ส่วนเรื่องของการดูแลผิวเริ่มจากการทำความสะอาดหน้า ถ้าเป็นหน้าร้อน หมอมักจะแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบอ่อนๆ แต่ให้ล้างหน้าบ่อยขึ้น เพราะหากเราใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแรงๆ ไปล้างหน้าบ่อย จะหน้าแหก! เพราะในหน้าร้อน ผิวหน้าจะมันเร็วขึ้น ถ้าคุณใช้อ่อนๆ คุณจะล้างเอาน้ำมันที่ต่อมไขมันผลิตออกมาเคลือบผิวออกไปได้ แต่พวกน้ำหล่อเลี้ยงผิวนั้น พวกสบู่อ่อนๆ จะไม่ค่อยทำลายเท่าไหร่ ทำให้คุณสามารถล้างหน้าได้วันละ 3-4 ครั้ง
          แต่ถ้าเอาสบู่แรงๆ มาล้าง มันก็จะเอาออกไปหมดเลย ทั้งไขมันที่ออกมาจากต่อมไขมัน รวมถึงน้ำหล่อเลี้ยงผิวที่ผิวเราต้องการ มันก็ออกไปด้วย ดังนั้นถ้าใช้สบู่แรงๆ ล้าง ผ่านไป 2 ชั่วโมง ต่อมไขมันผลิตไขมันจนหน้ามันแผล็บแล้ว แต่น้ำใต้ผิวยังไม่ฟื้นฟูเลย
          ดังนั้นหมอจึงแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนๆ ล้างบ่อยได้ แต่ก็จะมีคนไข้บางกลุ่ม เช่น เด็กหนุ่มๆ ที่หน้ามันมาก พวกนั้นยังอาจจะเหมาะสมที่จะใช้โฟมล้างหน้าสำหรับผิวมันอยู่ แต่โอกาสแพ้ก็จะเยอะขึ้นก็ต้องระวังด้วย แต่ถ้าเป็นคนทั่วไป ส่วนมากหมอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์แบบอ่อนๆ จะดีกว่า
          ด้านการบำรุงผิว ก็ดูแลตามปกติ เหมือนฤดูอื่นๆแต่ในส่วนของ ครีมกันแดด คงต้องทาเยอะขึ้น ถ้าเลือกสูตรได้ ควรจะเลือกสูตรที่ผสมสารระงับเหงื่อนั่นคือ จะอยู่ในกลุ่มที่ทาแล้วไม่ค่อยมัน เพราะเขาใส่สารระงับเหงื่อไว้พอเหงื่อไม่ค่อยออกข้อดีก็คือ กันแดดจะติดอยู่ในหน้าเรานานขึ้น อันที่สองพอเหงื่อออกน้อยลงหน้าเราก็แพ้น้อยลงด้วย" ผิวไร้ผื่น->ทาแป้งพอเหมาะเลี่ยงเครื่องประดับระคายเคืองผิว
          "ในเรื่องการบำรุงผิวกายช่วงหน้าร้อนแบบนี้ทุกวันจะมีคนไข้ 10 เคส (case) เป็นอย่างต่ำเลย ที่มาพบหมอด้วยอาการผื่นแพ้ที่ตัวเพราะอากาศร้อนมันทำให้ผิวแพ้ง่าย และยิ่งเดี๋ยวนี้สบู่ก็สารพัดจะใส่ ทั้งสูตรผิวขาว, ผิวสวย, กลิ่นหอม คนใช้แล้วก็แพ้กันเยอะ เพราะคนเราพอเจอมลพิษเยอะ ผิวก็บางลง พอมาเจออากาศร้อน เหงื่อกัดผิวผิวก็บางลง ใช้สบู่กัดผิวอีก ก็ยิ่งบางลงอีก ดังนั้นหมอแนะนำให้ใช้สบู่อ่อน เช่น สบู่เด็ก ส่วนพวกสบู่ที่ผสมน้ำมันเยอะๆ หมอไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ เดี๋ยวสิวขึ้นได้ แนะนำว่าใช้สบู่เด็กดีกว่า
          ถามว่าหน้าร้อนต้องทาโลชั่นสำหรับผิวตัวมั้ย แนะนำว่าควรจะต้องทา เพราะเหงื่อมันกัดผิวดังนั้นจึงต้องมีการบำรุง แต่เราอาจจะทาได้น้อยลง เพราะโลชั่นมันอาจทำให้เหนียวเหนอะหนะน่ารำคาญ ก็อาจจะต้องเลือกสูตรที่ไม่มันมาก เรื่องต่อมาข้อพับทั้งหลาย ก็พยายามอย่าให้อับชื้น เพราะพอร้อนแล้วข้อพับอับชื้นปุ๊บ เดี๋ยวก็เป็นผื่นแพ้เดี๋ยวเชื้อราก็ติดเพิ่มเติม ซึ่งตรงนี้แป้งจะช่วยได้
          แต่ข้อสำคัญคือเวลาทาแป้ง ต้องทาบางๆ อย่าทาหนาเกินไป เพราะถ้าหนาไปแป้งจะจับตัวเป็นก้อน แล้วไปขูดกับผิว โดยส่วนตัวหมอจะแนะนำให้ใช้แป้งเด็กเนื้อโลชั่น เพราะคนไข้ผู้ชายหลายคนที่มาหาหมอ เป็นผื่นที่อวัยวะเพศหมอจะแนะนำว่า ให้ทาแป้งเด็กเนื้อโลชั่น แล้วใส่กางเกงในได้ปกติ คนไข้ที่ทาแล้วไม่มีใครบ่นเลยว่าเหนียวเหนอะหนะ คนไข้ที่เป็นผื่นตามขาหนีบทาแล้วหายเยอะมาก แทบไม่ต้องกลับมารักษากันอีกเลย
          ส่วนเครื่องประดับอย่างสร้อย ก็พยายามงดใส่ เพราะสร้อยมีความคม ทำให้เราเป็นผื่นแพ้ง่ายบางคนกลัวอันตรายไม่ใส่สร้อยที่เป็นโลหะ แต่ไปใส่สร้อยที่ทำจากเชือกแทน อันนี้ยิ่งแย่กว่า เพราะเชือกมันอมเหงื่อตอนแรกที่ใส่มันก็นิ่มๆ แต่ใส่ไปสักพัก ส่วนที่นิ่มๆ จะหลุดไป เหลือแต่แกนไนลอนแข็งๆ ซึ่งมันก็จะขูดผิวได้"ทิปส์ส่งท้าย: ครีมกันแดด SPF สูงเข้าไว้
          สำหรับครีม-โลชั่นกันแดด ที่มีจำหน่ายมากมายหลากหลายยี่ห้อนั้น แพทย์ผิวหนังโรงพยาบาลบางมด แนะนำเทคนิคการเลือกมาว่า ควรมีค่า SPF (Sun Protection Factor) หรือค่าการป้องกันแสงแดดมากเข้าไว้ ที่สำคัญ ควรเลือกใช้ยี่ห้อที่ตนเองไม่แพ้ โดยอาจซื้อขวดเล็กๆ มาลองดูก่อนก็ได้จ้า
          "ครีมกันแดดที่ตัว ก็ควรจะทา แต่หากบางคนคิดว่าไม่ค่อยได้เจอแดด เจอบ้างนิดๆ หน่อยๆ อาจจะใส่เสื้อแขนยาวก็พอได้ แต่ถ้าไปตีกอล์ฟ หรือทำงานที่ต้องเจอแดด เช่น เป็นนายหน้าขายที่ ก็คงต้องทาทั้งครีมกันแดด ทั้งใส่เสื้อแขนยาวให้มันครบชุด เพราะครีมกันแดดที่ตัว มักมีปัญหาคือ พอทาไปแล้ว เหงื่อออกครีมกันแดดก็หลุด จึงต้องทาบ่อยๆ ดังนั้นจึงต้องเลือกยี่ห้อที่ติดผิวดีๆ แต่ถ้าจะให้ติดผิวดีๆ ก็ต้องแลกกับความเหนียวที่มากขึ้น
          ส่วนของค่า SPF แนะนำให้ใช้ค่า SPF สูงๆ เพราะเวลาเขาทำการวัดค่า SPF เขาจะทาครีมหนามากแล้วไปวัด (จึงจะได้ค่า SPF ตามที่ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ระบุ) แต่พอเวลาเราทา ทายังไงก็ยังบาง หรือถึงคิดว่าทาหนาแล้ว แต่พอเจอเหงื่อก็หลุดดังนั้น พยายามเลือกค่า SPF ให้สูงที่สุดเท่าที่จะเลือกได้
          แต่ปัญหาคือ ถ้าเลือกค่า SPF สูง โอกาสแพ้ก็จะเยอะขึ้น เพราะมันคงต้องใส่สารกันแดดที่เยอะขึ้น รวมถึงความเหนียว ความมันที่คงต้องมากขึ้น หมอแนะนำว่าพยายามเลือกยี่ห้อที่เราไม่แพ้ เวลาไปซื้อเครื่องสำอางก็ซื้อขวดเล็กลองดูก่อนไม่แพ้แล้วค่อยไปซื้อขวดใหญ่" คุณหมออภิรักษ์อธิบายปิดท้าย